เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ใช้รถบนท้องถนนต่างต้องกังวลขณะขับขี่ ด้วยทัศนวิสัยที่แย่ลง และถนนที่ลื่นขึ้นกว่าเดิม ทำให้การขับขี่ยากขึ้น และมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าปกติ เพื่อการขับขี่ที่ราบรื่น เราควรเตรียมความพร้อมของรถยนต์ โดยเฉพาะส่วน “ยางรถยนต์” ซึ่งสำคัญต่อการขับขี่ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ โดยจะต้องเลือกยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติยางสำหรับถนนเปียก ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนดีเยี่ยม ควบคู่ไปกับการรู้เทคนิคการขับขี่ เพื่อให้ทุกคนมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง เพิ่มความปลอดภัยให้พร้อมขับลุยหน้าฝนนี้
ลักษณะยางสำหรับถนนเปียก
ดอกยาง
ลักษณะดอกยางสำหรับถนนเปียกที่ดี จะต้องมีร่องรีดน้ำลึก กว้าง และมีลายดอกยางทิศทางที่ถูกต้อง เช่น แบบสมมาตรมีร่องรีดน้ำตรงกลาง หรือแบบทิศทางเดียว V-Shape ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทรงตัวของรถ ยึดเกาะทั้งถนนเปียกและแห้ง ที่สำคัญคือช่วยรีดน้ำออกจากหน้ายางได้เร็ว เพิ่มแรงต้านต่อการเหินน้ำเมื่อรถใช้ความเร็วสูง ลดโอกาสเกิดเหตุลื่นไถลขณะขับขี่ อันเป็นเหตุให้รถยนต์เสียการควบคุมนั่นเอง
ความลึกของร่องดอกยาง
ซึ่งตามกฎหมายได้ระบุว่าความลึกดอกยางขั้นต่ำไว้ที่ 1.6 มิลลิเมตร แต่สำหรับหน้าฝนนั้นแนะนำไม่ควรต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เมื่อดอกยางยิ่งลึก จะยิ่งเพิ่มความสามารถในการรีดน้ำได้ดีมากขึ้น โดยสามารถเช็กขนาดของผิวหน้าดอกยาง โดยการวัดจากสะพานยาง หรือแถบเล็กๆ ในร่องดอกยาง หากเริ่มสึกจนจะเสมอกันแล้ว นี่เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่
ค่า Wet Grip ยางรถยนต์
ให้เลือกยางรถยนต์ที่มีค่า Wet Grip สูง หรือเป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่เปียก โดยตามหาค่านี้ได้จากสติกเกอร์ที่แปะอยู่บนยาง หรือสังเกตแถบที่เขียนว่า “Wet Grip” พร้อมตัวอักษร A-G ซึ่งระดับ A คือมีประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงสุด และ G คือต่ำสุด
อายุของยาง
ถึงแม้จะใช้ยางมามากกว่า 5-6 ปี แต่ดอกยางยังลึกอยู่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะเนื้อยางอาจจะเสื่อมสภาพตามเวลา เช่น เนื้อยางอาจจะแข็งกระด้างแล้วจึงลดประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ยิ่งหากต้องขับในสภาพถนนเปียกแล้วล่ะก็ กลายเป็นความเสี่ยง ควบคุมรถยากขึ้น ดังนั้นให้ตรวจเช็กรหัส DOT ตัวเลข 4 หลักสุดท้าย ซึ่งจะระบุสัปดาห์และปีที่ผลิต เช่น 2525 หมายความว่าผลิตในสัปดาห์ที่ 25 ปี 2025
ส่วนผสมของเนื้อยาง
เพราะยางสำหรับถนนเปียกที่ดีจะต้องทำหน้าที่ยึดเกาะถนนเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นยางที่มีส่วนผสมของซิลิกา (Silica) จึงเหมาะสม ด้วยประสิทธิภาพที่มีความยืดหยุ่น ทำให้เกาะถนนได้ดีแม้พื้นผิวเปียก
ขนาดและความกว้างของยาง
ไม่ควรเปลี่ยนขนาดยางรถยนต์เพื่อความเท่ทันสมัย เพราะจะเป็นการลดประสิทธิภาพการยึดเกาะและการขับขี่ ให้เลือกใช้ขนาดยางตามคู่มือของรถยนต์ โดยเฉพาะความกว้างของหน้ายาง เพราะส่วนนี้จะมีผลต่อการระบายน้ำและการยึดเกาะบนถนน หากลดหน้ายางให้ต่ำกว่ามาตรฐาน จะทำให้รีดน้ำไม่ได้ดี ส่งผลให้ยากต่อการควบคุมขณะขับขี่
การต้านทานการสึกหรอ
ควรเลือกยางสำหรับถนนเปียกที่มีคุณภาพสูง มีความทนทานต่อการสึกหรอ สามารถใช้งานได้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ
ประเภทยางสำหรับการขับขี่หน้าฝน
ยางสำหรับถนนเปียก
ยางหน้าฝน จะมีลักษณะดอกยางพิเศษที่สามารถรีดน้ำและระบายน้ำออกไวจากตัวยาง สำหรับการใช้งานบนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่นโดยเฉพาะ ยึดเกาะถนนได้เต็มประสิทธิภาพพร้อมลดการเหินน้ำ
ยางรถยนต์ All-Season
ยางประเภทนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับทุกสภาพอากาศ ทุกพื้นผิว และยังครอบคลุมถึงถนนที่เปียก แต่ประสิทธิภาพก็อาจจะไม่สู้เท่าการเลือกใช้ยางสำหรับถนนเปียกโดยเฉพาะ
ยางสมรรถนะสูง
เป็นยางรถยนต์สำหรับการขับขี่ทุกสภาพถนน คุณภาพสูง จึงเหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในช่วงหน้าฝนเช่นกัน
ตรวจเช็กยางให้พร้อม
ถึงแม้เราจะเลือกใช้ยางสำหรับถนนเปียกแล้วก็ตาม ก็ยังคงต้องตรวจเช็กสภาพให้พร้อมใช้งานอยู่ดี เพื่อให้การขับขี่บนท้องถนนในหน้าฝนนี้ปลอดภัยมากที่สุด
1. ส่วนของร่องดอกยาง
ดังที่กล่าวข้างต้นไปแล้วว่า ดอกยางมีส่วนสำคัญต่อการรีดน้ำและการยึดเกาะ หากหน้ายางระบายน้ำออกได้น้อยจากการเสื่อมของร่องดอกยาง ก็จะทำให้ผิวสัมผัสของยางไม่แนบกับผิวถนน กลายเป็นอาการเหินน้ำเมื่อเบรกรถ และควบคุมการทรงตัวของรถไม่ได้ในเวลาต่อมานั่นเอง วิธีเช็กให้ใช้เหรียญ 10 เสียบลงไปในร่องดอกยาง ให้ตัวเลข 10 คว่ำหัวลง หากยังเห็นขอบวงกลมรอบเลข 10 ชัด แปลกว่าดอกยางต่ำกว่า 3 มม. ควรนำรถยนต์เข้าศูนย์เปลี่ยนยางทันที
2. ยางล้อหลังต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
เพราะส่งผลต่อการควบคุมการขับขี่โดยตรง เช่น ร่องดอกยางต้องเต็ม ลมยางต้องถูกต้อง เพื่อลดสาเหตุการเสียหลักของรถยนต์
3. การเติมลมยางนั้นมีผลต่อการระบายน้ำออกของหน้ายางเช่นกัน
เนื่องด้วยการเติมลมยางที่ถูกต้องตามคู่มือรถที่แนะนำ จะทำให้ยางและร่องดอกยาง พร้อมทำหน้าที่ระบายน้ำออกจากหน้ายางได้อย่างรวดเร็ว ยึดเกาะถนนเปียกได้ดี นอกจากนี้ยังลดการสึกหรอได้อีกด้วย
4. ตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ทุกเส้น
โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานไม่ควรเกิน 2 ปี หรือระยะทางประมาณ 50,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคน สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็กก่อนเข้าหน้าฝน นอกจากนี้อย่าลืม เช็กยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานด้วยเช่นกัน ต้องไม่แข็ง ไม่สึกหรอ และมีความลึกไม่ต่ำกว่า 3 มม.
5. เช็ก Tread Wear Indicator (TWI)
โดยสังเกตหาปุ่มยางเล็ก ๆ ในร่องดอกยาง หากเมื่อพื้นวิ่งเสมอกับ TWI หมายความว่าดอกยางอาจเหลือต่ำกว่า 1.6 มม. แสดงถึงค่าที่ต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการขับขี่ทั่วไป และโดยเฉพาะในหน้าฝน
เทคนิคขับขี่ให้ปลอดภัยแม้ฝนตกหนัก
เมื่อเลือกยางสำหรับถนนเปียกที่ดีที่สุดได้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย นั่นก็คือ เทคนิคการขับขี่ให้ปลอดภัยในทัศนวิสัยที่แย่ มองเห็นทางได้ยาก ซึ่งสิ่งแรกเลยคือการรลดความเร็วกว่าปกติ เพราะถนนที่ลื่นจะทำให้ควบคุมรถยาก การขับช้าลงจะยังทำให้ยางรีดน้ำได้ทัน นอกจากนี้ให้เว้นระยะห่างกับคันหน้ากว่าปกติอย่างน้อย 2-3 เท่า เพื่อให้พอมีระยะสำหรับการชะลอเบรกในสภาพถนนที่ลื่น หากเกิดอาการเหินน้ำระหว่างการขับขี่ให้ค่อยๆ ถอนคันเร่ง ปล่อยให้รถชะลอ และมีสติประคองพวงมาลัยไม่ให้เสียหลัก ห้ามเหยียบเบรกกะทันหันเด็ดขาด สุดท้ายนี้คือ มีสติตลอดเส้นทาง ให้ขับขี่บนความไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้อื่นบนท้องถนน
ยางสำหรับถนนเปียกที่ดีที่สุดในหน้าฝน
สำหรับใครที่กำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพดี Dunlop ขอแนะนำรุ่นยางสำหรับถนนเปียกประสิทธิภาพสูง เหมาะกับการขับขี่หน้าฝนนี้
1. SP SPORT MAXX060+
ที่สุดของยางสมรรถนะระดับแมกซ์ โดดเด่นทั้งการควบคุมทิศทาง และลดระยะเบรก แม้วิ่งด้วยความเร็วสูง มาพร้อมดีไซน์ลายดอกยางเพื่อการรีดน้ำ ยึดเกาะถนนเปียกได้ดีเยี่ยม ใช้งานได้ยาวนานด้วยส่วนผสมเนื้อยางรุ่นใหม่ แข็งแรงทนทานขั้นสุด
2. DIREZZA DZ102+
ไม่ได้มีดีแค่สไตล์สปอร์ตสวยหรู แต่ยังมีประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกระดับดีเยี่ยม ด้วยส่วนผสมเนื้อยางแบบใหม่กับเทคโนโลยี Super Microparticulate Cabon, Silica และ Polymer เกรดพรีเมีนม พร้อมให้การขับขี่บนถนนเปียกนั้นโลดแล่นเต็มสมรรถนะ ต้านทานการเหินน้ำ ปลอดภัยแม้ทัศนวิสัยไม่เป็นใจ
3. GRANDTREK PT5
ควบคุมทิศทางการขับขี่ได้ง่ายขึ้น เพราะรุ่นนี้ถูกออกแบบเพื่อนต้านทานการสึกหรอการไม่สม่ำเสมอโดยเฉพาะ แข็งแรง ยืดอายุการใช้งาน เอาอยู่กับสภาพพื้นถนนเปียกในหน้าฝน
4. GRANDTREK AT5
อัปเกรดอีกขึ้นด้วยส่วนผสมเนื้อยางใหม่ ยืดอายุการใช้งานนานขึ้น 50% ควบคุมการขับขี่ดีขึ้น 25% และยึดเกาะถนนเปียกมากขึ้น 10% เพราะออกแบบร่องดอกยางยาวแบบต่อเนื่อง กระจายแรงกดหน้าสัมผัสได้ดี บริเวณไหล่ร่องรีดน้ำกว้างขึ้น พร้อมลุย แกร่งทุกสภาพถนน