ยางรันแฟลตคืออะไร
ยางรันแฟลต (Run flat Tire) เป็นยางที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีใหม่ให้มีโครงสร้างแตกต่างจากยางธรรมดาหรือยางเรเดียล ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงด้านในบริเวณแก้มยาง และบริเวณขอบยางมากกว่ายางธรรมดาทั่วไป เพื่อให้ยังสามารถยังเคลื่อนไหวได้ โดยไม่สูญเสียการทรงตัว แม้จะไม่มีแรงดันลมภายในยาง ดังนั้นเมื่อยางรั่วซึม หรือเหยียบของแหลมคมกะทันหัน ก็ยังสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ระยะไกลกว่าเมื่อเทียบกับยางประเภทอื่น ๆ
หลักการทำงานของยางรันแฟลต
ในเมื่อไม่มีแรงดันลมยางภายในแล้ว ยาง Run flat ยังสามารถวิ่งได้จริงหรือไม่? คำตอบคือยังวิ่งต่อได้อีกช่วงหนึ่ง และเป็นระยะที่มากพอสำหรับให้เลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อเลี่ยงการเกิดอุบัตเหตุบนท้องถนน โดยที่ผู้ขับไม่ต้องพยายามขับบดเหมือนยางทั่วไป จากการพัฒนายางรันแฟลตด้วยเทคนิคเคลือบผิวใต้ดอกยางจาดวัสดุ Sealant หรือ Polymer มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง จึงอุดรอยรั่วเล็ก ๆ ได้ หรือเรียกว่า Self-sealing และยางรันแฟลตบางรุ่นก็ยังเสริมด้วยวัสดุที่แข็งในผนังด้านในของแก้มยาง เรียกว่า Self-supporting
การเสริมแก้มยางให้แข็งแกร่งเป็นการออกแบบลักษณะพิเศษเฉพาะแบบยางรันแฟลตเท่านั้น เพื่อรองรับน้ำหนักของรถยนต์ได้ดี ทำให้โครงสร้างของยางไม่เปลี่ยนรูป หรือเปลี่ยนน้อยมาก เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนต่อได้โดยไม่สูญเสียการทรงตัวแม้ไม่มีแรงดันลมยางทั้งนี้วัสดุและเทคโนโลยีการผลิตยางรันแฟลตแต่ละยี่ห้ออาจจะแตกต่างกันไป
วิธีการสังเกตว่ายางรถยนต์ของคุณเป็นแบบรันแฟลตหรือไม่ ให้ดูได้จากตัวอักษรที่อยู่บนแก้มยาง จะมีคำว่า “RSC” ย่อมาจากคำว่า “Run Flat System Component” หรือผู้ผลิตบางแบรนด์อาจใช้คำอื่น ๆ เช่น “RFT” (Run-flat Technology) หรือ “SSR” (Self-Supporting Run-Flat Tire)
ยางรันแฟลต (Runflat) รั่วแล้วต้องเปลี่ยนเลยไหม?
เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานยางรันแฟลตได้เต็มสมรรถนะ หากเกิดรอยรั่วซึม หรือได้รับความเสียหาย โดยทั่วไปควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที หรือบางกรณีอาจพิจารณารอยรั่วนั้น ๆ ซึ่งต้องมีขนาดไม่เกิน 6 มิลลิเมตร และอยู่ห่างจากแก้มยางหรือไหล่ยางอย่างน้อย 4 มิลลิเมตร ที่สำคัญคือสามารถปะได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพราะจำเป็นต้องรักษาโครงยางให้ยังคงแข็งแรงพร้อมใช้งานเมื่อเกิดเหตุยางสูญเสียแรงดันลมกะทันหันนั่นเอง ดังนั้นหากยางรันแฟลตมีรอยรั่วควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนใหม่
ยางรันแฟลต (Run flat) vs ยางธรรมดา (Radial)
เนื่องด้วยคุณสมบัติของยางรันแฟลตและ ยางธรรมดาหรือยางเรเดียล มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการของผู้ขับขี่ เช่น ไลฟ์สไตล์การใช้งาน งบประมาณ รุ่นรถยนต์ และอื่น ๆ ทำให้คุณอาจสับสนว่าต้องเลือกแบบไหน ซึ่งข้อแตกต่างต่อไปนี้อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ความแตกต่างด้านคุณสมบัติ
ยางรันแฟลต มีเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อลดโอกาสการอุบัติเหตุจากปัญหายางรั่วซึม ยางแตก ยางโดนทิ่มตำจากของแหลมคมตามพื้นถนน เพราะหากเกิดเหตุเหล่านี้ก็บยังวิ่งต่อได้ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระยะทางประมาณ 50-80 กิโลเมตร ทำให้สามารถควบคุมทิศทางของรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย
ในขณะเดียวกันหากเป็นยางรถธรรมดา ไม่ว่ายางเส้นใดเส้นหนึ่งเกิดรั่วจะต้องหยุดรถทันที เพื่อเปลี่ยนสับยางอะไหล่ เพราะหากฝืนขับบดต่อไปจะส่งผลให้สร้างความเสียหายไปยังอะไหล่ช่วงล่างได้
ความแตกต่างด้านการใช้งานเมื่อเกิดยางรั่วหรือแบน
Run flat สามารถยึดเกาะถนนได้แม้สูญเสียแรงดันระหว่างขับขี่ จากการเจาะหรือทิ่มแทง เพราะถูกออกแบบให้มีครีบระบายความร้อนที่แก้มยาง ทำให้ยังสามารถขับต่อไปได้แม่ไม่มีแรงดันลมยาง ในทางกลับกัน หากยางธรรมดาหรือยางเรเดียล เกิดการรั่วหรือแบน จะไม่สามารถขับต่อไปได้ หากฝืนขับขี่ต่อไปจะเกิดความร้อนสะสมมาก และอาจสูญเสียการควบคุมในที่สุด
ความแตกต่างด้านความนุ่มนวล
ยาง Radial จะให้ความรู้สึกนุ่มนวล ลดแรงกระแทกจากพื้นถนน และลดเสียงรบกวนระหว่างขับขี่ได้มากกว่ายางรันแฟลตที่แข็งกระด้างกว่า เนื่องจากการใช้วัสดุที่ยืดหยุ่น และไม่ได้เสริมโครงสร้างที่แก้มยางมากนัก ทำให้การขับขี่ราบรื่น มั่นใจ และปลอดภัยทุกเส้นทาง
ความแตกต่างด้านความหลากหลายในการใช้งาน
ยางเรเดียล มักมีทางเลือกให้คุณมากกว่า เพราะสามารถขับขี่ได้ทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะ Off Road พื้นทางขรุขระ ก็ยังมอบความรู้สึกนุ่มนวลได้มากกว่า
นอกจากนี้ ยางรันแฟลตยังมีข้อจำกัดคือ ยางประเภทนี้จะถูกออกให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ เช่น BMW หรือ Mini ดังนั้นจึงควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญให้มั่นใจก่อนว่า รถยนต์ของคุณสามารถใช้ยางรันแฟลตได้หรือไม่ ทั้งนี้อาจต้องมีการปรับแต่งระบบช่วงล่างให้เหมาะสมกับแรงที่จะกระทำทั้งก่อน – หลังสูญเสียแรงดันลมยาง ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณสมบัติต่าง ๆ ของยางรันแฟลตอาจกลายเป็นผลเสีย และส่งผลกระทบให้ช่วงล่างรถยนต์เกิดความเสียหายได้
ความแตกต่างด้านราคา
ยางรันแฟลตนั้นมีราคาสูงกว่ายางเรเดียล เพราะจำเป็นต้องใช้วัสดุพิเศษ แข็งแรง และออกแบบมาเพื่อให้ใช้ขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันลมยาง
ความแตกต่างด้านการซ่อมบำรุง
ระยะการเปลี่ยนยางใหม่ของยางเรเดียลนั้นจะยาวกว่ายางรันแฟลต เพราะหากยางธรรมดาหรือยางเรเดียลได้รับความเสียหายอาจยังสามารถปะซ่อมได้ แต่ในส่วนของยางรันแฟลตจะต้องได้รับการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญก่อนว่าสามารถปะได้หรือไม่ รอยใหญ่มากแค่ไหน และสามารถปะซ่อมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ นอกจากนี้หากคุณมีปัญหาจากยางธรรมดา ยังสามารถแก้ไขได้ง่ายดายตามศูนย์บริการรถยนต์ทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะที่ซับซ้อนเมื่อเทียบกว่ายางรันแฟลต และค่าบำรุงซ่อมแซมนั้นยังราคาถูกกว่าอีกด้วย
สรุปเลือกแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
การเลือกเปลี่ยนยางใหม่ ระหว่างทางเลือกยางรันแฟลตหรือยางธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังมองหาอะไรสำหรับการขับขี่ของคุณ ชอบสไตล์การขับขี่แบบไหน และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เพราะหากพูดถึงประสิทธิภาพอันโดดเด่นของยางรันแฟลตแล้วก็คือ การพัฒนามาเพื่อแก้ไขปัญหายางรั่วซึม ยางแตก ยางเสียหายจากการเหยียบของแหลมคมบนท้องถนน เพราะสาเหตุเหล่านี้จะทำให้รถยนต์เสียการควบคุมรถยนต์ และอาจจะมีความกังวลว่าจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ยางรันแฟลตจึงตอบโจทย์ ทั้งยังเหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่มีความรู้เรื่องการเปลี่ยนอะไหล่ยางเมื่อเกิดเหตุยางแตก ยางรั่วซึมเช่นกัน
แต่หากคุณเป็นคนที่ชอบการขับขี่ที่นุ่มนวล ราบรื่น หรือขับขี่ได้บนสภาพพื้นถนนที่แตกต่าง ลุยน้ำลุยโคลนโดยที่ไม่ต้องกังวล คำตอบของคุณจึงเป็นยางธรรมดาหรือยางเรเดียล เพราะมีประเภทยางรถยนต์ให้คุณเลือกได้หลากหลายมากกว่ายางรันแฟลต ไม่ว่าจะการออกแบบลายดอกยาง หน้ายาง วัสดุ หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยตอบโจทย์การขับขี่ของคุณปลอดภัยทุกเส้นทาง รวมไปถึงปัจจัยเรื่องงบประมาณ ราคาของยางเรเดียลสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกับรถยนต์ทุกประเภท นอกจากนี้ยังซ่อมแซมหรือเปลี่ยนได้ง่ายตามศูนย์บริการรถยนต์ทั่วไป เพราะมีช่างผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มากกว่านั่นเอง