เคยไหม? ขับรถอยู่ดีๆ รู้สึกเหมือนรถสั่น แถมกินน้ำมันมากกว่าปกติ สัญญาณเหล่านี้บ่งบอกได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องพารถของคุณไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อ แต่หลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดคิดว่า ตั้งศูนย์ กับ ถ่วงล้อ คือบริการประเภทเดียวกัน วันนี้ Dunlop จะมาอธิบายให้ฟังกันครับ ว่าจริงๆ แล้ว ตั้งศูนย์ กับ ถ่วงล้อ คืออะไร ควรทำตอนไหนดี 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันตรงไหน และทำไมเราถึงต้องทำทั้งคู่ มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย
การตั้งศูนย์ คืออะไร?
การตั้งศูนย์ คือ การปรับแต่งระบบกันสะเทือนของรถยนต์ เพื่อให้ล้อทั้ง 4 อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ช่วยให้รถควบคุมทิศทางได้ดีขึ้น ลดการสึกหรอของยาง ทำให้ขับขี่ได้นิ่มนวล ควบคุมรถง่าย ประหยัดน้ำมัน และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วย หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าการตั้งศูนย์ คือ การปรับยางเข้ากับล้อ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่! เนื่องจากการตั้งศูนย์ล้อจะเกี่ยวข้องกับระบบกันสะเทือน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยางเลยแม้แต่น้อย
แล้วทำไมการตั้งศูนย์ล้อถึงสำคัญ?
ลองนึกภาพตามนะครับ ว่าถ้าล้อทั้ง 4 ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง แน่นอนว่ายางก็จะสึกหรอไม่เท่ากันนั่นแหละครับ เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้อง “ตั้งศูนย์ล้อ” แล้ว โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้ตั้งศูนย์ล้อทุกๆ 10,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และสภาพรถด้วย ดังนั้น อย่าลืมใส่ใจเรื่องการตั้งศูนย์ล้อนะครับ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ยืดอายุการใช้งานของยาง และประหยัดน้ำมัน
การถ่วงล้อ คืออะไร?
การถ่วงล้อ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า การปรับสมดุลของน้ำหนักล้อและยาง เปรียบเสมือนการเอาตุ้มถ่วงน้ำหนักมาใส่เพิ่มตรงจุดที่ยางหนักน้อย เพื่อให้ล้อหมุนได้สมดุล โดยช่างผู้ชำนาญจะใช้เครื่องมือพิเศษวัดจุดที่ยางหนักน้อย แล้วนำตุ้มถ่วงน้ำหนักมาใส่เพิ่มตรงจุดนั้นให้ล้อมีน้ำหนักเท่ากัน
แล้วทำไมการถ่วงล้อจึงสำคัญ?
เมื่อเรารู้สึกเหมือนรถสั่น ล้อสั่น ขับขี่ไม่นิ่มนวลเหมือนเคย? สาเหตุหนึ่งของปัญหานี้อาจมาจาก “การสึกหรอของยางที่ไม่เท่ากัน” หากเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่ายางรถบางเส้นดอกยางอาจสึกหรอไม่เท่ากันทั้งเส้น หรือบางส่วนของยางอาจสึกหรอมากกว่าปกติ สาเหตุเหล่านี้ส่งผลต่อ “การกระจายน้ำหนักของล้อ” ทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือน วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดก็คือ “การถ่วงล้อ” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “การปรับสมดุลของน้ำหนักล้อและยาง” นั่นเอง ดังนั้น อย่าลืมนำรถไปถ่วงล้อเป็นประจำนะครับ แนะนำให้ถ่วงล้อทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือเมื่อรู้สึกว่ารถสั่นผิดปกติ
การตั้งศูนย์กับถ่วงล้อต่างกันอย่างไร?
เป็นที่แน่นอนว่า การตั้งศูนย์กับถ่วงล้อมีความแตกต่างกันต่างกัน เนื่องจาก ตั้งศูนย์ หมายถึง การปรับมุมล้อให้อยู่ในองศาที่ถูกต้องตามมาตรฐานให้ล้อรถวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่เอียงไปซ้ายหรือขวา ช่วยให้รถทรงตัวดี ควบคุมง่าย และประหยัดน้ำมัน ส่วนถ่วงล้อ หมายถึง การกระจายน้ำหนักของล้อและยางให้เท่ากันทั้งวง ให้ล้อหมุนได้สมดุลโดยไม่สั่นสะเทือน ช่วยให้ขับขี่ได้นิ่มนวล ลดเสียงรบกวน และยืดอายุการใช้งานของยาง ที่สำคัญเมื่อถอดเปลี่ยนยางแต่ละครั้งหรือซ่อมช่วงล่างรถยนต์มา ก็ควรตั้งศูนย์ล้อด้วยเช่นกัน
การตั้งศูนย์ถ่วงล้อใช้เวลานานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว การตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- จำนวนล้อที่ต้องการตั้งศูนย์ : โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีล้อที่ต้องตั้งศูนย์มากก็ยิ่งใช้เวลานานมากขึ้น
- สภาพของล้อและยาง : ล้อและยางที่ชำรุดเสียหายอาจต้องใช้เวลานานกว่าในการตั้งศูนย์
- ความชำนาญของช่าง : ช่างที่มีประสบการณ์มักจะทำงานได้เร็วกว่าช่างใหม่
- ศูนย์บริการ : ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถแต่ละแห่งอาจมีวิธีการและเครื่องมือที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อระยะเวลาที่ใช้ในการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
แนะนำให้โทรสอบถามศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถก่อนนำรถไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เพื่อสอบถามระยะเวลาที่ใช้และค่าใช้จ่ายของบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
วิธีสังเกตุอาการที่บ่งบอกว่ารถยนต์ควรตั้งศูนย์และถ่วงล้อ
ก่อนจะคว้ากุญแจรถแล้วพุ่งไปหาอู่หรือศูนย์บริการ มาดูกันก่อนดีกว่า ว่าถ้าหากไม่ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ จะเกิดอะไรขึ้น? อาการแบบไหนที่บอกได้ว่ารถของเราควรได้รับการตั้งศูนย์และถ่วงล้อ
- พวงมาลัยสั่น : อาการนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ความเร็วต่ำๆ หรือรุนแรงขึ้นเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง สาเหตุหลักมาจากการถ่วงล้อที่ไม่สมดุล ล้อบางข้างอาจจะมีน้ำหนักมากกว่าล้อข้างอื่น ทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือน
- พวงมาลัยเอียงซ้ายเอียงขวา : สังเกตง่ายๆ ว่าเวลาขับบนถนนเรียบๆ โดยไม่ต้องจับพวงมาลัย รถของเราดันเอียงไปทางซ้ายหรือขวาไหม อาการดังกล่าวนั้นอาจเกิดมาจากสาเหตุการตั้งศูนย์ล้อที่ผิดปกติ ส่งผลต่อองศาของล้อหน้า ทำให้รถเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
- ดอกยางสึกหรอไม่สม่ำเสมอ: สังเกตจากดอกยางบนหน้ายางรถทั้งสองข้าง สึกหรอไม่เท่ากัน อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่า การตั้งศูนย์ล้อของเราเริ่มเอียง ทำให้การสึกหรอของดอกยางไม่เท่ากัน
- ขับขี่แล้วรู้สึกไม่มั่นคง : รู้สึกเหมือนรถลื่นไถลหรือควบคุมทิศทางได้ยาก อาจเกิดจากยางเสื่อมสภาพ หรือ การตั้งศูนย์ล้อที่ผิดปกติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
- พวงมาลัยไม่ตรง : สังเกตจากพวงมาลัยที่เอียงซ้ายหรือขวา แม้จะขับขี่บนถนนเรียบ สาเหตุอาจมาจากการตั้งศูนย์ล้อที่ผิดพลาด ทำให้ล้อหน้าไม่ชี้ ไปข้างหน้าตรงๆ
ดังนั้น หากรถของเรามีอาการเหล่านี้ แนะนำให้รีบนำรถไปตั้งศูนย์และถ่วงล้อโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่
ประโยชน์ของการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
เมื่อเรารู้อาการที่บ่งบอกว่ารถยนต์ควรจะตั้งศูนย์ถ้วงล้อแล้ว ต่อมาเรามาดูประโยชน์กันดีกว่าว่าการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนั้นมีดีอย่างไร
- ยางสึกหรอสม่ำเสมอ: ดอกยางที่สึกหรอเรียบเสมอกัน แสดงถึงการสัมผัสพื้นถนนที่ดี ช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ประหยัดค่าเปลี่ยนยางใหม่ไปได้เยอะ
- ขับขี่นิ่ง นิ่ม ไร้เสียงดัง : การตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ทำให้รู้สึกนุ่มนวล ขับสบาย ไร้เสียงรบกวน
- ควบคุมรถง่าย มั่นใจทุกโค้ง : ล้อที่สมดุลจะช่วยให้ควบคุมทิศทางรถได้แม่นยำ ตอบสนองรวดเร็ว เข้าโค้งมั่นใจ โดยเฉพาะบนถนนความเร็วสูง
- ประหยัดน้ำมัน : เมื่อล้อหมุนไปอย่างราบรื่น เครื่องยนต์ก็ทำงานหนักน้อยลง ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
- ช่วยยืดอายุการใช้งานช่วงล่าง : การตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนช่วงล่าง ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยาวนานขึ้น
- ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ : เมื่อรถควบคุมได้ดี ล้อไม่สั่นสะเทือน ก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
อย่างไรก็ตาม การตั้งศูนย์ถ่วงล้อควรทำควบคู่กัน เนื่องจากตั้งศูนย์ถ่วงล้อราคาไม่ได้สูงมากนัก แนะนำให้ทำพร้อมกันไปเลยจะดีกว่า เพื่อให้รถของเราควบคุมการทรงตัวได้ดี ควบคุมง่าย ประหยัดน้ำมัน ขับขี่นุ่มนวล ลดเสียงรบกวน และช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้น เปลี่ยนยางใหม่ทั้งที อย่าลืมตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วยนะครับ ที่สำคัญร้านดันลอปมีบริการเปลี่ยนยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อ พร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย โดยสามารถค้นหาร้านตั้งศูนย์ถ่วงล้อใกล้ฉัน หรือ ติดต่อศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายยาง Dunlop ได้ทุกสาขา
อย่าลืมตรวจเช็คและตั้งศูนย์ถ่วงล้อเป็นประจำ เพื่อความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวนะครับ