“ขนาดยางรถกระบะ” ที่ระบุบนแก้มยางเปรียบเสมือน “บัตรประจำตัวของยาง” ที่บอกเล่าถึงความสามารถและคุณสมบัติต่างๆ ของยางเส้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นขนาด ความแข็งแรง ดัชนีรับน้ำหนัก หรือแม้แต่ความเร็วสูงสุดที่รถสามารถทำได้ ดังนั้น การเลือกยางที่สเปกตรงตามที่ผู้ผลิตรถแนะนำ หรือเหมาะสมกับสไตล์การขับขี่เรา จะช่วยให้มั่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น
วิธีดูขนาด “ยางรถกระบะบรรทุกหนัก” เบื้องต้น
อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นว่า การเลือกยางรถกระบะให้เหมาะสมนั้นสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของรถ การทำความเข้าใจในขนาดยางจึงเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าขนาดยางที่เราเห็นบนแก้มยางแต่ละตัวนั้นมีความหมายอย่างไรบ้าง ?
การอ่านขนาดบนแก้มยางรถกระบะ
เมื่อมองไปที่แก้มยางของรถกระบะ เราจะพบตัวเลขและตัวอักษรเรียงกัน ซึ่งแต่ละตัวแทนความหมายที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ตัวอย่าง – ขนาดยาง : 225/75R15
225 | คือ ความกว้างของหน้ายาง (วัดเป็นมิลลิเมตร) ยิ่งตัวเลขมาก ยางก็จะยิ่งกว้าง |
75 | คือ อัตราส่วนความสูงของแก้มยางเทียบกับความกว้างของหน้ายาง (เป็นเปอร์เซ็นต์) ยิ่งตัวเลขมาก แก้มยางก็จะยิ่งสูง |
R | หมายถึง โครงสร้างของยางแบบ Radial (เรเดียล) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่นิยมใช้ในปัจจุบัน |
15 | คือ ขนาดของวงล้อ (วัดเป็นนิ้ว) |
เช็กลิสต์ สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกยางรถกระบะ
นอกจากขนาดที่ปรากฏบนแก้มยางแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกยางรถกระบะ ดังนี้
1. ประเภทของยาง (Tire Type)
All-Terrain (AT) | เหมาะสำหรับการใช้งานบนถนนทั่วไปและออฟโรดเบาๆ มีดอกยางที่ออกแบบมาให้สามารถขับขี่ได้ดีในหลากหลายสภาพถนน |
Highway Terrain, Passenger Tire (HT,PT) | ออกแบบมาสำหรับการใช้งานบนถนนลาดยาง เน้นความนุ่มนวลในการขับขี่และประหยัดน้ำมัน |
Mud-Terrain (MT) | เหมาะสำหรับการใช้งานออฟโรดหนัก มีดอกยางที่ลึกและกว้าง ช่วยให้ยางยึดเกาะได้ดีในสภาพพื้นผิวที่ขรุขระ |
Extreme Terrain (XT) | เป็นยางสำหรับการใช้งานออฟโรดที่สมบุกสมบันมากที่สุด มีดอกยางที่แข็งแรงและลึกที่สุด |
2. ขนาดยาง
ขนาดของยางมีผลต่อการขับขี่และรูปลักษณ์ของรถอย่างมาก โดยความกว้างของหน้ายาง ยิ่งกว้างยิ่งทำให้รถเกาะถนนได้ดีขึ้น แต่ก็อาจส่งผลให้พวงมาลัยตอบสนองช้าลงเล็กน้อย ในขณะที่อัตราส่วนของความสูงของแก้มยางต่อความกว้างของหน้ายาง หากมีค่าสูงจะทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น แต่ก็อาจลดประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้บ้าง และสุดท้ายเส้นผ่านศูนย์กลางของวงล้อ นอกจากจะส่งผลต่อความสูงของตัวรถแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการกำหนดรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสปอร์ตหรือเรียบหรูมากขึ้นอีกด้วย
3. ดัชนีรับน้ำหนัก (Load Index)
ดัชนีรับน้ำหนักของยางบ่งบอกถึงน้ำหนักสูงสุดที่ยางเส้นนั้นสามารถรับได้ขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่กำหนดไว้ ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย ควรเลือกยางที่มีดัชนีรับน้ำหนักสูงกว่าน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของรถของเราเสมอ
4. ดัชนีความเร็ว (Speed Rating)
ดัชนีความเร็วของยางบ่งบอกถึงความเร็วสูงสุดที่ยางสามารถรับได้อย่างปลอดภัยขณะใช้งาน หากใช้งานยางเกินกว่าความเร็วที่กำหนดไว้ ยางอาจเกิดความร้อนสูงและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรืออาจระเบิดได้ในขณะขับขี่ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยควรเลือกยางที่มีดัชนีความเร็วเท่ากับหรือสูงกว่าที่ระบุไว้ในคู่มือรถเสมอ
5. ลายดอกยาง (Tread Pattern)
ลายดอกยางมีผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการยึดเกาะถนน การระบายน้ำ และเสียงดังที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ การเลือกใช้ลายดอกยางจึงควรพิจารณาจากสภาพการใช้งานเป็นหลัก หากใช้งานในเมืองเป็นประจำ ควรเลือกลายดอกยางที่เน้นความเงียบ เพื่อให้การขับขี่สบายขึ้น ในขณะที่หากต้องการนำรถไปใช้งานออฟโรดบ่อยๆ ควรเลือกลายดอกยางที่ลึกและกว้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะบนพื้นผิวขรุขระและระบายน้ำได้ดี
6. สไตล์การขับขี่
การเลือกยางรถยนต์นั้นขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ของแต่ละบุคคล หากเป็นคนที่ชอบขับรถด้วยความเร็วสูง ควรเลือกยางที่มีดัชนีความเร็วสูง เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในขณะที่เร่งความเร็ว แต่หากใครที่ชอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและสบาย การเลือกยางที่มีแก้มยางสูงจะช่วยลดแรงกระแทกจากผิวถนน ทำให้การขับขี่ของเราราบรื่นมากยิ่งขึ้น
7. สภาพถนนที่ใช้
หากใช้รถในเมืองเป็นหลัก การเลือกยางที่เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันจะช่วยให้การขับขี่ราบรื่นและลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมัน แต่ถ้าหากชอบนำรถไปขับขี่บนเส้นทางออฟโรดเป็นประจำ การเลือกยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนพื้นผิวขรุขระจะช่วยให้รถของเราสามารถวิ่งผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
ไขข้อสงสัย รถกระบะบรรทุกของหนักเติมลมยางเท่าไหร่?
ความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถกระบะบรรทุกของหนักนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น ยิ่งบรรทุกมาก ยางก็ควรมีลมมากขึ้นเพื่อรองรับน้ำหนัก อีกทั้ง ขนาดของยางแต่ละประเภทก็จะมีค่าความดันลมที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงสภาพของยางที่เก่าหรือสึกหรอ และสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นก็อาจส่งผลต่อความดันลมยางได้เช่นกัน
ฉะนั้น การตรวจสอบคู่มือรถจะเป็นแหล่งข้อมูลที่แม่นยำที่สุดในการบอกค่าความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ โดยปกติแล้วค่าความดันลมยางจะระบุไว้ที่เสาประตูฝั่งคนขับ หรือภายในฝากระโปรงหน้ารถของเรานั่นเอง
จะเห็นได้ว่าการเลือกยางรถกระบะที่เหมาะสมนั้นสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของรถ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขนาดยางให้เข้าใจ และเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ทั้งนี้ หากใครที่กำลังมองหายางรถกระบะ 4 ประตูยี่ห้อไหนดี ราคาประหยัด แต่คุณภาพดี ยางรถยนต์จาก Dunlop คือ คำตอบ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ยาง Dunlop มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เกาะถนนดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน ช่วยให้เราสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น