เคยได้ยินกันไหมว่า รถตู้ไม่ได้เป็นแค่พาหนะธรรมดาๆ ทั่วไป แต่รถตู้เปรียบเสมือน “บ้านเคลื่อนที่” ที่พร้อมพาคนที่คุณรักเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยกัน และรถตู้ยังเปรียบเสมือน “ออฟฟิศส่วนตัว” ที่พร้อมลุยไปกับคุณทุกเส้นทาง ทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่น่าเบื่ออีกด้วย
ฉะนั้น การเลือกรถตู้ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเลือกให้เหมาะสมจะส่งผลต่อความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยในระยะยาว
ปัจจัยอะไรบ้างที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อรถตู้ ?
อย่างที่ทราบกันดีว่า รถตู้มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ และมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจซื้อคุณควรพิจารณาปัจจัยสำคัญเหล่านี้เพื่อให้ได้รถตู้ที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณ
1. วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
- การใช้งานส่วนตัว แบบที่ 1 : หากต้องการใช้รถตู้สำหรับครอบครัว หรือเดินทางท่องเที่ยว ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสารและสัมภาระ พร้อมทั้งพิจารณาฟังก์ชันเสริมต่างๆ เช่น ที่นั่งปรับเอนได้ โต๊ะพับ หรือเตียงนอน
- การใช้งานส่วนตัว แบบที่ 2 : หากต้องการใช้รถตู้เป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ สิ่งที่ต้องเตรียมเลย คือ เงิน เพราะจะมีค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงรถตู้ อุปกรณ์ภายใน เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้ทำงาน เป็นต้น รวมไปถึงระบบไฟฟ้า อาทิ โคมไฟ พอร์ตชาร์จ และอินเทอร์เน็ต
- การใช้งานเชิงพาณิชย์ : หากต้องการใช้รถตู้เพื่อขนส่งสินค้า หรือให้บริการรับส่งผู้โดยสาร ควรเน้นความแข็งแรงทนทาน ความจุของห้องโดยสาร และประหยัดน้ำมัน
- การใช้งานพิเศษ : หากต้องการใช้รถตู้สำหรับกิจกรรมพิเศษ เช่น แคมป์ปิ้ง หรือกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกที่มีอุปกรณ์เสริมที่รองรับกิจกรรมนั้นๆ เช่น หลังคาสูง เพดานแร็ค หรือชุดอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง
2. งบประมาณ
รถตู้มีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ขนาด และอุปกรณ์เสริม ดังนั้น ควรกำหนดงบประมาณที่ชัดเจนก่อนเริ่มมองหารถ และนอกจากราคาซื้อแล้ว ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เช่น ค่าน้ำมัน ค่าอะไหล่ และค่าซ่อมบำรุงด้วย
3. ความปลอดภัย
ควรเลือกรถตู้ที่มีระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว, ถุงลมนิรภัย และควรเลือกรถตู้ที่มีโครงสร้างตัวถังแข็งแรง ทนทาน และมีความปลอดภัยสูง
เปรียบเทียบรถตู้ไฟฟ้าและรถตู้ไฮบริด มีข้อดีข้อเสียอย่างไร คันไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณมากกว่ากัน?
การเลือกซื้อรถตู้ในยุคนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกล ทำให้เรามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ไฟฟ้าหรือรถตู้ไฮบริด ฉะนั้น หากคุณกำลังมองหารถตู้คันใหม่ ต้องห้ามพลาดที่จะอ่านพารากราฟด้านล่างนี้เลย เพราะข้อมูลด้านล่างนี้เป็นข้อมูลการเปรียบเทียบระหว่างรถตู้ไฟฟ้าและรถตู้ไฮบริด อ่านจบรับรองว่าคุณจะตัดสินใจเลือกได้ง่ายยิ่งขึ้น
ข้อดีของ : รถตู้ไฟฟ้า (EV – Electric Vehicle)
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : ไม่ปล่อยไอเสีย ช่วยลดมลพิษ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย : ค่าไฟฟ้าถูกกว่าค่าน้ำมัน
- อัตราเร่งดี : มอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงบิดสูง ทำให้รถออกตัวได้ดี
- เทคโนโลยีทันสมัย : มาพร้อมฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น ระบบฟอกอากาศ และโซลาร์รูฟ ช่วยชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้
ข้อเสียของ : รถตู้ไฟฟ้า (EV – Electric Vehicle)
- ราคาสูง : ราคาจำหน่ายสูงกว่ารถตู้ประเภทอื่นๆ
- ระยะทางวิ่งจำกัด : แบตเตอรี่มีระยะทางวิ่งจำกัด อาจไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกล
- สถานีชาร์จ : สถานีชาร์จยังมีจำนวนจำกัด
- เวลาในการชาร์จ : ใช้เวลานานในการชาร์จแบตเตอรี่
ข้อดีของ : รถตู้ไฮบริด (Hybrid)
- ประหยัดน้ำมัน : ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถตู้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : ปล่อยมลพิษน้อยกว่า
- เทคโนโลยีที่หลากหลาย : มีทั้งแบบไฮบริดธรรมดาและแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
* รถตู้ไฮบริดธรรมดา : จะใช้ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน ซึ่งแบตเตอรี่จะถูกชาร์จโดยเครื่องยนต์ขณะขับขี่หรือขณะเบรก ทำให้ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว *
** รถตู้ปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV จะคล้ายกับรถตู้ไฮบริดธรรมดา แต่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า ทำให้สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น และสามารถชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้ **
ข้อเสียของ : รถตู้ไฮบริด (Hybrid)
- ราคาสูงกว่ารถตู้เครื่องยนต์สันดาปภายใน : แต่ถูกกว่ารถตู้ไฟฟ้า
- ยังต้องใช้น้ำมัน : แม้จะประหยัดน้ำมัน แต่ก็ยังต้องใช้น้ำมัน
- เทคโนโลยีซับซ้อน : อาจมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงกว่า
เลือกคันไหนถึงจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณ?
- เลือก รถตู้ไฟฟ้า หากคุณให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม อยากได้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และพร้อมที่จะลงทุนในระยะยาว
- เลือก รถตู้ไฮบริด หากคุณต้องการรถตู้ที่ประหยัดน้ำมัน มีเทคโนโลยีที่หลากหลาย และไม่อยากกังวลเรื่องสถานีชาร์จมากนัก
ข้อควรพิจารณาในการเลือกยางที่เหมาะกับรถตู้
การเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถตู้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะยางที่ดีจะช่วยให้รถตู้ของคุณมีสมรรถนะที่ดีขึ้น และปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งข้อควรพิจารณาในการเลือกยางที่เหมาะกับรถตู้ มีดังนี้
- น้ำหนักบรรทุก : เนื่องจากรถตู้บรรทุกน้ำหนักได้มาก การเลือกยางที่มีดัชนีรับน้ำหนักสูงจึงมีความสำคัญ เพื่อรองรับน้ำหนักรถได้อย่างปลอดภัย
- ขนาดของยาง : ควรเลือกยางที่มีขนาดตรงตามที่ระบุในคู่มือรถ เพื่อให้แน่ใจว่ายางมีความแข็งแรงพอและไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบช่วงล่าง
- รูปแบบการขับขี่ : หากคุณขับรถตู้ในเมืองเป็นหลัก ควรเลือกยางที่เน้นการเกาะถนนที่ดี แต่หากคุณขับรถตู้เพื่อเดินทางไกล ควรเลือกยางที่เน้นความทนทานและประหยัดน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม การเลือกยางรถตู้ที่ดี ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย แต่ยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของรถคุณได้อีกด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อคุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อให้ได้ยางที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด