NEWS & PROMOTION

ข่าวสารและโปรโมชั่น

ลุยน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับ! ทำอย่างไรดี? เผยวิธีแก้ไขเบื้องต้น

ขับรถลุยน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะสร้างถนนใหม่เพิ่มสักเท่าไหร่ก็ไม่พอกับความต้องการ เนื่องจากปริมาณการใช้รถที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลของ TomTom Traffic Index เว็บไซต์สถิติด้านการจราจร ที่ได้ออกมาเผยข้อมูลการจราจร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2023 จากการจัดอันดับการจราจรใน 404 เมือง ใน 58 ประเทศ ใน 6 ทวีป พบว่า กรุงเทพฯ ประเทศไทย อยู่อันดับ 17 ของโลกเลยทีเดียว

เท่านั้นยังไม่พอ! เพราะยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ฝนตกแล้วล่ะก็ การจราจรบนท้องถนนก็ยิ่งติดนานมากขึ้นกว่าเดิม หากคุณคือบุคคลที่กำลังเร่งด่วนต้องทำเวลาเพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขับรถฝ่าสายฝนและลุยน้ำท่วมขัง ซึ่งการขับรถลุยน้ำท่วมนั้น ซึ่งทำให้ใครหลายคนกังวลว่า “หากน้ำเข้าเครื่องพังไหม เครื่องยนต์มีโอกาสดับหรือป่าว?”  คำตอบก็คือพังแน่นอน!! น้ำเข้าเครื่องยนต์เมื่อไหร่ ก็จะทำให้เครื่องยนต์ดับขณะขับได้ 

ดังนั้น วันนี้ Dunlop จึงขอนำทริคขับรถลุยน้ำท่วมแบบมือโปรอย่างไรให้ปลอดภัย เพื่อจบปัญหาขับรถลุยน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับ มาฝากทุกคนกันครับ! 

 

รถลุยน้ำท่วม

2 สาเหตุรถดับกลางอากาศขณะขับรถลุยน้ำท่วม

  1. ระบบไฟฟ้าช็อต : น้ำท่วมอาจทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เสียหาย โดยเฉพาะกล่องควบคุมระบบไฟฟ้าหรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งเปรียบเสมือนสมองกลของรถ เนื่องจากเป็นตัวควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อกล่อง ECU โดนน้ำอาจเกิดการลัดวงจร ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับและไม่สามารถทำงานต่อได้
  2. น้ำเข้าเครื่องยนต์ : น้ำอาจไหลเข้าไปในระบบกรองอากาศ (ท่อไอดี) ของเครื่องยนต์ หรือเข้าไปยังห้องเผาไหม้ ทำให้หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย หรือมีน้ำเข้าไปในช่องก้านวัดระดับน้ำมันหล่อลื่น ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับกระทันหัน

 

7 ข้อควรรู้ก่อนขับรถลุยน้ำท่วม เพื่อไม่ให้เกิดอาการรถดับ ขณะขับ

  • สังเกตระดับความลึกของน้ำ

จริงอยู่ที่การสังเกตด้วยสายตาคร่าวๆ เพื่อวัดระดับความลึกของน้ำขังนั้นไม่แม่นยำ และเสี่ยงทำให้เครื่องยนต์ดับได้ แต่มันก็ยังดีกว่าการที่เราไม่สังเกตอะไรเลยแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าหาน้ำขังแบบไม่เกรงกลัว โดยเราอาจจะสังเกตความลึกของระดับน้ำที่ท่วมจากการวัดระดับความสูงของน้ำกับฟุตบาทข้างทางก่อน 

ปกติฟุตบาทจะมีความสูงอยู่ที่ 10 –  20 เซนติเมตร ถ้าน้ำท่วมเลยระดับฟุตบาทแนะนำให้เลี่ยงเส้นทางนั้นจะปลอดภัยกว่า หรือดูจากระดับน้ำท่วมที่ล้อรถ ถ้าหากท่วมประมาณครึ่งล้อยังพอลุยต่อได้ แต่ถ้าท่วมถึงระดับขอบประตูไม่แนะนำให้ลุยเด็ดขาด เพราะน้ำอาจเข้าห้องโดยสารจนทำให้ระบบไฟช็อต เครื่องยนต์ดับได้

 

  • ชะลอความเร็วก่อนเจอน้ำท่วม

อย่าลืมว่าการขับรถด้วยความเร็วสูงนั้น ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ ดังนั้นก่อนจะถึงจุดที่น้ำท่วมขัง เราควรขับรถด้วยความเร็วต่ำที่สุดและสม่ำเสมอ เลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 – 2,000 รอบต่อนาที  ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาควรใช้ประมาณเกียร์ 2 ส่วนเกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์ L

  • ปิดแอร์รถยนต์เมื่อเจอน้ำท่วมทันที

การปิดแอร์รถเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากพัดลมแอร์สามารถพัดน้ำเข้าไปในเครื่องได้ ทำให้รถของเรามีความเสี่ยงที่จะเกิดโอกาสน็อก นอกจากนี้เราควรระวังขยะที่ลอยมากับน้ำด้วย เนื่องจากมันจะเข้าไปติดมอเตอร์พัดลมจนทำให้ระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์พังได้

  • ลดความเร็วลงเมื่อเจอรถยนต์ขับสวนทางกัน

อย่างที่แจ้งข้อมูลไปก่อนหน้านี้ว่าความเร็วรถทำให้น้ำสามารถกระฉอกเข้าใต้ท้องรถได้ เมื่อเจอรถสวนมา จึงต้องลดความเร็วในการขับขี่ลง เนื่องจากแรงปะทะจากรถที่สวนมาจะทำให้เกิดคลื่นชนกัน น้ำจะสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้น้ำอาจกระฉอกเข้ามาโดนเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าเสียหายได้

  • รักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าเดิม

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อขับรถลุยน้ำ จะทำให้ประสิทธิภาพของผ้าเบรกลดลง ส่งผลให้เวลาเบรกนั้นเบรกไม่อยู่ เพื่อความปลอดภัย ควรรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า จึงจะปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเบรกกะทันหันแล้วมีระยะเบรกไม่เพียงพอ

  • สตาร์ทรถทิ้งไว้เมื่อถึงจุดหมาย

หลังจากที่เราขับรถลุยน้ำ เมื่อถึงจุดหมายไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันทีโดยเด็ดขาด ควรจอดรถทิ้งไว้ก่อนสักครู่ เพื่อให้น้ำที่ยังตกค้างอยู่ในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมด

  • ควรย้ำเบรกหรือคลัตช์ เพื่อไล่น้ำ

หากรถเป็นรถเกียร์ออโต้ เราควรย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรกให้หมด ส่วนรถเกียร์ธรรมดา ควรย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันปัญหาคลัตช์ลื่น เพราะนี่คือข้อควรปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำที่เจ้าของรถทุกคนควรทำหากไม่อยากให้รถมีปัญหาตามมา

 

เมื่อเครื่องยนต์ดับกลางน้ำท่วม ควรทำอย่างไรดี?

เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับขณะขับ แม้จะเตรียมพร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้เสมอ  ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องรู้วิธีรับมืออย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและผู้โดยสาร

1. ตั้งสติ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์เด็ดขาด 

หลายคนคงเคยเจอสถานการณ์นี้แน่ๆ รถดับกลางน้ำท่วม แล้วรีบสตาร์ทเครื่องยนต์ต่อด้วยความหวังว่ารถจะกลับมาติด แต่รู้หรือไม่ว่า การทำแบบนั้นอาจทำให้เครื่องยนต์พังหนักยิ่งขึ้นได้นะ! เพราะการสตาร์ทเครื่องยนต์ตอนเครื่องยนต์ดับกลางน้ำท่วม อาจทำให้เครื่องยนต์สำลักน้ำและพังหนักยิ่งขึ้น

2. เปิดไฟฉุกเฉิน บอกให้คนอื่นรู้

เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เครื่องยนต์ดับกลางน้ำท่วม สิ่งสำคัญคือการรักษาความปลอดภัยทั้งต่อตัวเราเองและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ การเปิดไฟฉุกเฉินเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยที่ช่วยสื่อสารให้ผู้ร่วมทางทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมขัง

 

ตรวจสอบว่าน้ำเข้ารถ

3. ตรวจสอบว่าน้ำเข้ารถหรือไม่

สังเกตว่ามีน้ำไหลเข้าตัวรถหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นรถ, ประตู, กระจก หากน้ำเข้าตัวรถ ให้รีบปิดเครื่องปรับอากาศ ปิดสวิตช์ไฟต่างๆ และถอดแบตเตอรี่ออก (ถ้าทำได้) และรีบหาผ้ามาอุดช่องว่างที่น้ำอาจไหลเข้าได้ เช่น ช่องใต้ประตู ช่องแอร์

4. ออกจากรถไปยังที่ปลอดภัย

หากพื้นที่ในบริเวณนั้นมีกระแสไฟฟ้ารั่ว อาจเกิดอันตรายอื่นๆ ได้ รีบออกจากรถไปหาที่ปลอดภัย รอให้ระดับน้ำลดลง หรือโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากช่างหรือหน่วยบริการฉุกเฉิน

5. โทรขอความช่วยเหลือ

ติดต่อบริษัทประกันภัย ช่างซ่อมรถ หรือหน่วยบริการฉุกเฉิน แจ้งสถานที่และรอความช่วยเหลือ เพื่อนำรถออกจากพื้นที่น้ำท่วม โดยให้ยกรถให้สูงจากระดับน้ำท่วม ด้วยการใช้แม่แรง หรือหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถติดต่อศูนย์บริการยางดันลอปได้ทั่วประเทศ

ซึ่งถ้าหากว่ารถของเราดับขณะขับรถลุยน้ำ อย่าพยายามสตาร์ทรถเด็ดขาด แนะนำให้เปิดฝากระโปรงรถเพื่อเช็กไส้กรองอากาศก่อนว่าเปียกหรือไม่? ถ้าไส้กรองอากาศไม่เปียกก็แปลว่าน้ำยังไม่เข้าเครื่อง แต่ถ้าไส้กรองอากาศเปียกควรโทร. เรียกช่าง หรือขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจะดีที่สุด

 

และนี่ก็คือสาระดีๆ ที่เรานำมาฝากในวันนี้ อย่างไรก็ตาม Dunlop ไม่ได้มีแค่บริการสินค้าและการรับประกันยางรถยนต์เท่านั้น เราพร้อมดูแลคุณทุกสถานการณ์บนท้องถนนด้วยศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุรถเสีย รถยางรั่ว รถสตาร์ทไม่ติด หรืออุบัติเหตุรถชน ติดต่อเราได้ง่ายๆ เพียงค้นหาศูนย์บริการตัวแทนจำหน่าย Dunlop ที่ใกล้ที่สุด หรือติดต่อเราผ่านช่องทางต่างๆ คลิกเลย

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

ริมการ์ดยาง (Rim Guard)

ริมการ์ดยาง (Rim Guard) คืออะไร อยากปกป้องล้อแม็กซ์ให้เหมือนใหม่ต้องอ่าน!

“ล้อแม็กซ์” คือหนึ่งในอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและสปอร์ตให้กับรถ แต่การใช้งานในชีวิตประจำวันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ยางขูดฟุตบาทจะเกิดรอย

อ่านต่อ...
รีไซเคิลยางรถยนต์

ยางเก่าทิ้งที่ไหนถึงจะถูกที่ถูกทาง? รวมวิธีรีไซเคิลยางรถยนต์ที่คุณก็ทำได้

“ มนุษย์ ” และ “ สิ่งแวดล้อม ” มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น แน่นแฟ้นมาแต่ไหนแต่ไร เปรียบเสมือนสองสิ่งที่เกิดมา “ คู่กัน ” เพราะมนุษย์ต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อม

อ่านต่อ...
ตลาดรถคลาสสิค

เปิดตำนาน! ตลาดรถคลาสสิคที่คึกคักไม่แพ้ตลาดรถทั่วไป

หากพูดถึงอัญมณีล้ำค่าแล้ว สิ่งแรกที่ทุกคนคิดก็คงหนีไม่พ้น 6 อัญมณีทรงคุณค่าที่มีมูลค่าสูงสุดตลอดกาลอย่างเพชร ทับทิม มรกต ไข่มุก บุษราคัม และไพลิน แต่ร

อ่านต่อ...
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Price
  • ประสิทธิภาพบนถนนแห้ง
  • ประสิทธิภาพบนถนนเปียก
  • การต้านทานการเหินน้ำ
  • ความเงียบ
  • ความสะดวกสบาย
  • อายุการใช้งาน
  • พื้นหิมะ
  • พื้นโคลน
  • ถนนลูกรัง
  • ถนนเรียบ
  • ชนิดของรถ
Click outside to hide the comparison bar
Compare