NEWS & PROMOTION

ข่าวสารและโปรโมชั่น

เปลี่ยนยางรถยนต์ 4 เส้น vs .2 เส้น หรือทีละ 1 เส้น แบบไหนดีกว่ากัน ?

ยางรถยนต์คือหนึ่งในส่วนประกอบหลักที่ช่วยให้การเดินทางปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการตรวจเช็กยางรถยนต์ และเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ขับขี่ควรให้ความใส่ใจ

บทความนี้ดันลอปจะพาทุกคนไปดูกันว่า สัญญาณอะไรบ้างที่เป็นการบ่งบอกว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว และตอบคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเปลี่ยนยางว่าควรเปลี่ยนยางทีละกี่เส้น เพื่อให้ได้สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีที่สุด และปลอดภัยให้ได้มากที่สุด
 

สัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์

เมื่อยางรถยนต์เสื่อมสภาพการใช้งาน มักจะมีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกเพื่อเป็นการเตือนผู้ขับขี่ให้สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง เช่น

1. ร่องดอกยางเริ่มตื้น

โดยปกติยางรถยนต์ใหม่จะมีความลึกของร่องดอกยางอยู่ที่ประมาณ 7-9 มิลลิเมตร ซึ่งถ้าหากลองวัดร่องดอกยางแล้วพบว่ามีความลึกเหลือต่ำกว่า 1.6 มม. หรือใกล้ถึงสะพานยาง (ดังตัวอย่างภาพด้านล่าง) แนะนำให้ควรเปลี่ยนยางทันที

 

2. เนื้อยางแข็งกระด้าง

ยางรถยนต์โดยทั่วไปจะต้องมีความนิ่ม ยืดหยุ่นได้ดี เพื่อช่วยในเรื่องของการเบรกและเข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเช็กได้ง่ายๆว่ายางแข็งหรือไม่ โดยการลองใช้เล็บจิกลงไปบนเนื้อยาง หากยางมีความแข็งจนไม่สามารถทิ้งรอยเล็บไว้ได้ แสดงว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว

3. ยางบวมผิดปกติ

อาการยางบวมส่วนใหญ่จะเกิดได้จากการตกหลุม หรือเกิดการเสียดสีอย่างรุนแรง จนทำให้ยางบวม และหากฝืนขับต่อไปอาจจะเสี่ยงเกิดการระเบิดระหว่างขับขี่ได้

4. พบบาดแผลภายนอกยางรถยนต์

เช่นมีรอยร้าว รอยฉีก รอยแตกลายงา ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งการฝืนใช้ต่อไปเท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิด และเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่ได้

5. ยางหมดอายุการใช้งาน

โดยทั่วไปยางรถยนต์มีอายุการใช้งานที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี หากเกินอายุการใช้งาน ควรทำการเปลี่ยนยางรถยนต์เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีและปลอดภัย

 


 

ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ทีละกี่เส้น?

คำถามที่ผู้ขับขี่หลายคนมักสงสัยคือ ถ้าหากจำเป็นต้องเปลี่ยนยาง สามารถเปลี่ยนเส้นเดียวได้ไหม หรือควรเปลี่ยนทีละกี่เส้น คำตอบก็คือ การเปลี่ยนยางรถยนต์สามารถเปลี่ยนเพียงหนึ่งเส้น เปลี่ยนเป็นคู่ และเปลี่ยนยกชุดได้ ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดันลอปเลยอยากจะมาอธิบายให้ผู้ขับขี่ทุกท่านเข้าใจได้อย่างง่ายๆ ดังนี้

 

เปลี่ยนยางเส้นเดียว

การเปลี่ยนยางเส้นเดียวมักใช้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่นยางฉีกขาด ยางระเบิด หรือยางรั่วอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถปะได้

ข้อดี : ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะเปลี่ยนเพียงแค่เส้นเดียว
ข้อเสีย : การเปลี่ยนแค่หนึ่งเส้น อาจทำให้การทรงตัวของรถเสียสมดุล เนื่องจากยางใหม่มีดอกยางลึกกว่า และยึดเกาะถนนได้ดีกว่ายางเก่าที่เหลืออยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมรถ โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง

หากจำเป็นต้องเปลี่ยนยางใหม่เพียงแค่เส้นเดียว แนะนำว่าต้องเป็นรุ่น ขนาดและยี่ห้อเดียวกันกับยางที่ใช้อีกข้างหนึ่ง เพื่อรักษาสมดุลของรถยนต์ไว้ให้ได้มากที่สุด

 

เปลี่ยนยางเป็นคู่ (คู่หน้า หรือคู่หลัง)

การเปลี่ยนยางเป็นคู่ สามารถทำได้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยกับยางเพียงหนึ่งเส้น แต่ต้องการการเปลี่ยนคู่เพื่อรักษาสมดุลการขับขี่ หรือยางเริ่มเสื่อมสภาพแต่ไม่สะดวกเปลี่ยนทีเดียวยกชุด

ข้อดี: การเปลี่ยนเป็นคู่ช่วยรักษาสมดุลของรถได้ดีกว่าการเปลี่ยนแค่เส้นเดียว
ข้อเสีย: ยังคงมีความแตกต่างระหว่างยางใหม่กับยางเก่าที่เหลือ ซึ่งอาจส่งผลต่อการสึกหรอของหน้ายางที่ไม่เท่ากัน และประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน โดยเฉพาะเมื่อถนนเปียก

โดยข้อแนะนำหากเปลี่ยนยางรถยนต์เพียงแค่ 2 เส้น ควรนำยางคู่ใหม่ไปใส่ล้อหลัง ใช้ขนาดยางเท่ากัน และเป็นประเภทเดียวกันกับยางที่ใช้อยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนมากขึ้น และลดโอกาสการเกิดอาการท้ายปัด (Oversteer) บนพื้นเปียก

 

เปลี่ยนยางยกชุดทั้ง 4 เส้น

การเปลี่ยนยางรถยนต์ทั้งหมดพร้อมกัน 4 เส้น เป็นทางเลือกที่ดันลอปแนะนำมากที่สุด เพราะการเปลี่ยนพร้อมกัน จะช่วยให้ยางมีประสิทธิภาพการเท่างานเท่ากัน ไม่ต้องกังวลเรื่องยางเก่ายางใหม่ และหมดปัญหายางเสื่อมสภาพไม่เท่ากัน

ข้อดี: ช่วยให้รถสมดุล ยึดเกาะถนนดีทั้งล้อหน้าและล้อหลัง และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ดีที่สุด
ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเปลี่ยนเพียงแค่ 1 หรือ 2 เส้น

สรุปได้ว่า การเปลี่ยนยางรถยนต์สามารถเปลี่ยนได้ทั้งทีละเส้น เป็นคู่หรือเปลี่ยนพร้อมกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และการประเมินสภาพการใช้งานของยางรถยนต์แต่ละเส้น ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้การเปลี่ยนพร้อมกันทั้งหมด 4 เส้น ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุด

 


 

อยากเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ เลือกยางรุ่นไหนดี?

เพื่อสรรถนะในการขับขี่สูงสุด ดันลอปขอแนะนำรุ่นยางรถยนต์คุณภาพดีจากดันลอป ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ดังนี้
 
ยางรถยนต์สำหรับรถเก๋งหรือรถนั่งส่วนบุคคล

1. SP SPORT MAXX060+ : ยางสรรถนะสูงนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นในเรื่องของการควบคุม รีดน้ำ ยึดเกาะดีทั้งบนถนนแห้งและเปียก แถมรองรับการใช้งานได้ทั้งกับรถสันดาปและรถไฟฟ้า
2. SP SPORT LM705 : ยางนุ่มเงียบ ดูดซับแรงกระแทกดี ลดการสั่นสะเทือนระหว่างขับขี่
3. ENASAVE EC300+ : ยางช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้นถึง 20%
4. DIREZZA DZ102+ : ยางเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน เข้าโค้ง และเบรกหนึบ
5. SP TOURING R1 : ยางทนทาน ดีไซน์ดอกยางสปอร์ต เพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำ
 
ยางรถยนต์สำหรับรถอเนกประสงค์ 4×4 และรถกระบะ

1. GRANDTREK PT5 : ยางนุ่มเงียบ ดอกยางละเอียด นุ่นนวล เหมาะสำหรับการขับขี่แบบสะดวกสบาย
2. GRANDTREK AT5 : ยางที่ตอบโจทย์การลุยทั้ง On Road และ Off Road พร้อมเทคโนโลยี Stone Ejector ช่วยไล่เศษหิน
3. GRANDTREK AT20 : ยางโครงสร้างพิเศษ เพิ่มความแข็งแรงป้องกันการกระแทกบนพื้นผิวขรุขระ
4. GRANDTREK AT22 : ยางลดเสียงรบกวน ทนทานต่อแรงกระแทก
5. GRANDTREK AT25 : ยางทนทาน นุ่มเงียบ ขับสบาย ใช้งานได้หลากหลาย

เปลี่ยนยางรถยนต์ทั้งที ต้องเลือกให้ดีและคุ้มค่ามากที่สุด เปลี่ยนมาใช้ยางดันลอปเพื่อความสะดวกสบายและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

ยางรถยนต์ขอบ 17 นิ้ว นุ่มเงียบยึดเกาะถนนได้ดีสำหรับรถยนต์ Sub-Compact

ยางรถยนต์ขอบ 17 นิ้วถือเป็นหนึ่งในไซส์ยางยอดนิยมสำหรับรถยนต์ Sub-Compact เนื่องด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่หลากหลาย ตอบสนองทุกการขับขี่ และยังมีตัวเลือ

อ่านต่อ...

ยางรถยนต์ขอบ 16 นิ้ว สมดุลของความนุ่มเงียบ ยึดเกาะถนนดี

เมื่อต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องพิจารณาคือขนาดของขอบยาง ซึ่งมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ ความนุ่มนวล และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษ

อ่านต่อ...

เปลี่ยนยางรถยนต์ 4 เส้น vs .2 เส้น หรือทีละ 1 เส้น แบบไหนดีกว่ากัน ?

ยางรถยนต์คือหนึ่งในส่วนประกอบหลักที่ช่วยให้การเดินทางปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการตรวจเช็กยางรถยนต์ และเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อเสื่อมสภาพหรือหมดอายุ

อ่านต่อ...
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Price
  • ประสิทธิภาพบนถนนแห้ง
  • ประสิทธิภาพบนถนนเปียก
  • การต้านทานการเหินน้ำ
  • ความเงียบ
  • ความสะดวกสบาย
  • อายุการใช้งาน
  • พื้นหิมะ
  • พื้นโคลน
  • ถนนลูกรัง
  • ถนนเรียบ
  • ชนิดของรถ
Click outside to hide the comparison bar
Compare