NEWS & PROMOTION

ข่าวสารและโปรโมชั่น

เช็กลมยางรถกระบะ เติมเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?

รถกระบะเป็นรถยอดนิยมที่ผู้ขับขี่หลายคนเลือกใช้ เนื่องด้วยคุณสมบัติและความหลากหลายในการใช้งาน แต่เชื่อว่าหลายคนคงมีข้อสงสัยว่า ควรเติมลมยางรถกระบะเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม วันนี้ดันลอปเลยจะพาทุกคนไปดูวิธีการเช็กและเติมลมยางรถกระบะให้ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

ทำไมการเติมลมยางรถกระบะให้พอดีถึงสำคัญ

การเติมลมยางรถกระบะให้เหมาะสมไม่เพียงแต่จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ แต่ยังช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมันและการถนอมรถ เนื่องด้วยความดันลมยางที่พอดีจะช่วยลดแรงเสียดทางระหว่างยางกับพื้นถนน เครื่องยนต์จึงไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน แล้วยังช่วยลดการสึกหรอของหน้ายางให้มีอายุการใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น

ค่าลมยางที่เหมาะสมกับรถกระบะคือเท่าไหร่

โดยทั่วไปแล้ว รถกระบะควรเติมความดันลมยางอยู่ที่ประมาณ 35 – 40 PSI (ปอนด์) ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่ารถเก๋งหรือรถยนต์ทั่วไป ยิ่งถ้าหากมีการบรรทุกของหนัก ก็ควรเติมลมยางให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ยางสามารถรองรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติได้ โดยยกตัวอย่างค่าความดันลมยางที่เหมาะกับรถกระบะโดยประมาณได้ดังนี้

  • รถกระบะใช้งานทั่วไป (ไม่บรรทุกหนัก) :  30-35 PSI
  • รถกระบะบรรทุกของปานกลาง : 35-40 PSI
  • รถกระบะบรรทุกหนัก (ขนส่งสินค้า/งานพาณิชย์) : 40-50 PSI

ซึ่งนี่เป็นการประมาณค่าความดันลมยางเบื้องต้นเท่านั้น หากผู้ขับขี่ต้องการรู้ค่าความดันลมยางรถกระบะอย่างแม่นยำและเหมาะสม ดันลอปขอแนะนำให้ดูคู่มือประจำรถกระบะแต่ละรุ่น หรือสติ๊กเกอร์แนะนำค่าลมยาง ที่มักจะถูกติดอยู่บริเวณประตูข้างคนขับ ดังรูปตัวอย่างด้านล่าง

จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าค่าความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถกระบะคันนี้คือ 35 PSI ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง (H: Half Load) แต่หากมีการบรรทุกของหนักมากขึ้น (M: Maximum Load) แนะนำให้คงลมยางล้อหน้าไว้ที่ 35 PSI และเพิ่มลมยางล้อหลังเป็น 41 PSI เพื่อให้ยางรองรับน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่

ผลกระทบของการเติมลมยางรถกระบะที่ไม่เหมาะสม

ในกรณีที่เติมลมยางรถกระบะมากเกินไป จะส่งผลให้

  • ยางแข็งและขาดความยืดหยุ่น : เมื่อต้องวิ่งผ่านถนนขรุขระหรือหลุมบ่อ ผู้ขับขี่จะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นได้มากกว่าปกติ
  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนลดลง : ลมยางที่มากเกินไปทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนน้อยลง ซึ่งส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการควบคุมรถและการเบรค
  • อายุการใช้งานยางลดลง : ความดันลมยางที่สูงเกินไปทำให้หน้ายางส่วนกลางเกิดการเสียดสีกับพื้นถนนมากกว่าปกติจึงทำให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงการเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิดของยางได้มากขึ้นอีกด้วย

ในกรณีที่เติมลมยางรถกระบะน้อยเกินไป จะส่งผลให้

  •  รถเกิดความเฉื่อย : ลมยางอ่อนทำให้หน้ายางเกิดการสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ ประกอบกับต้องรองรับน้ำหนักของที่บรรทุกบนรถกระบะ ก็ยิ่งส่งผลให้การเคลื่อนที่ของรถช้าลง และต้องใช้กำลังในการขับเคลื่อนมากขึ้น
  • สิ้นเปลืองน้ำมัน : เมื่อรถเคลื่อนที่ได้ยากขึ้น เครื่องยนต์ก็ต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้การใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นไปด้วย
  • ยางเกิดการสะสมความร้อน : เมื่อความดันลมยางน้อยเกินไป มีโอกาสที่ทำให้ยางยุบตัวแล้วเกิดการเสียดสีภายในยางจนเกิดความร้อนสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่การระเบิดของยางได้

อาการไหนที่บ่งบอกว่ารถกระบะมีค่าลมยางผิดปกติ

เมื่อลมยางรถกระบะมีความผิดปกติ ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ได้จากอาการเบื้องต้นที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ได้ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมรถที่เปลี่ยนไป เสียงที่เกิดขึ้นขณะขับเคลื่อน หรือสังเกตที่หน้ายางได้ด้วยตาตนเอง

สังเกตจากการควบคุม

  • พวงมาลัยหนัก : หากรู้สึกว่าต้องใช้แรงมากขึ้นในการหมุนพวงมาลัย อาจเป็นสัญญาณว่าลมยางอ่อนเกินไป ทำให้การควบคุมรถยากขึ้น
  • รถส่าย : เมื่อเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลน แล้วรู้สึกว่ารถไม่มั่นคง อาจเกิดจากลมยางที่อ่อนเกินไป ส่งผลให้การควบคุมรถทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • เบรกไม่ค่อยอยู่ : หากตอนเบรกรู้สึกว่าเบรกไม่ค่อยอยู่ หรือต้องใช้ระยะเบรกมากขึ้น อาจเป็นผลมาจากลมยางอ่อนเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง

สังเกตจากเสียง

  • เกิดเสียงหอน : หากได้ยินเสียงหอนขณะขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น สันนิษฐานได้ว่าลมยางอาจอ่อนเกินไป ทำให้หน้ายางเสียดสีกับพื้นถนนมากกว่าปกติ

สังเกตจากหน้ายาง 

  • หน้ายางตรงกลางสึกมากกว่าตรงขอบ : อาจหมายถึงรถกระบะมีลมยางที่มากเกินไปทำให้ส่วนกลางของหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ
  • หน้ายางตรงขอบสึกมากกว่าตรงกลาง : อาจหมายถึงลมยางรถกระบะน้อยเกินไปส่งผลให้หน้ายางตรงขอบต้องรับแรงเสียดสีกับพื้นถนนมากขึ้น

วิธีเช็กลมยางรถกระบะด้วยตนเอง

ที่วัดลมยางรถกระบะ

ในปัจจุบันการเช็กลมยางด้วยตนเองทำได้ไม่ยาก เพียงแค่มีอุปกรณ์อย่างเกจวัดลมยาง (ดังภาพตัวอย่างด้านบน) ที่ถือว่าเป็นเครื่องมือตรวจวัดแรงดันลมยางได้แม่นยำที่สุด และไม่ซับซ้อนโดยมีขั้นตอนตามนี้

ขั้นตอนการเช็กลมยางรถกระบะที่ถูกต้อง

  1. จอดรถในที่ร่มและรอให้ยางเย็นลง (อย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมงหลังจากขับขี่)
  2. นำฝาปิดจุ๊บลมออก แล้วนำเกจวัดลมยางมาแนบกับจุ๊บล
  3. อ่านค่าความดันลมยางจากหน้าปัดของเก
  4. เปรียบเทียบค่าที่วัดได้กับค่ามาตรฐาน (สามารถดูจากคู่มือรถหรือสติกเกอร์แนะนำค่าลมยางข้างประตูฝั่งคนขับ
  5. หากพบว่าค่าลมยางน้อยหรือมากกว่าปกติ สามารถเติมลมหรือปล่อยลมตามต้องการ เพื่อให้ได้ค่าที่เหมาะส
  6. ปิดฝาจุ๊บลม เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและป้องกันลมรั่วออกมากขณะขับขี่

การเช็กและเติมลมยางรถกระบะให้เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไป ไม่เพียงแต่ส่งผลในเรื่องของความปลอดภัย แต่ยังสร้างผลกระทบต่อประสิทธิภาพการใช้งานของรถกระบะ และอายุการใช้งานของยางได้อีกด้วย

อย่าลืมเติมลมยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน และเช็กอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือทุกๆครั้งก่อนออกเดินทางไกล เพื่อให้รถกระบะของคุณปลอดภัยและพร้อมลุยได้ทุกเส้นทาง

 

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

ดันลอป เรียนแจ้งเสนอเปลี่ยนยาง GRANDTREK PT5 ขนาด 285/60R18 116V

บริษัท ดันลอป ไทร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้าทุกท่าน ในการดำเนินมาตรการประกันคุณภาพตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ สืบเนื่องทางบริษ

อ่านต่อ...

เช็กลมยางรถกระบะ เติมเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?

ค่าลมยางรถกระบะที่เหมาะสม ควรเติมเท่าไหร่? เช็กลมให้ถูกต้อง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง ดูข้อมูลที่นี่!

อ่านต่อ...

ยางรถยนต์ DUNLOP SP SPORT MAXX060+ ยางที่รองรับการใช้งานทั้งรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า (EV Suitable)

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าหลายท่านอาจกำลังมองหายางรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แต่

อ่านต่อ...
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Price
  • ประสิทธิภาพบนถนนแห้ง
  • ประสิทธิภาพบนถนนเปียก
  • การต้านทานการเหินน้ำ
  • ความเงียบ
  • ความสะดวกสบาย
  • อายุการใช้งาน
  • พื้นหิมะ
  • พื้นโคลน
  • ถนนลูกรัง
  • ถนนเรียบ
  • ชนิดของรถ
Click outside to hide the comparison bar
Compare