เศรษฐกิจในปี 2024 นี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่างทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ เช่น สงครามในยูเครน ภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ เป็นต้น
‘ แน่นอนว่าด้วยปัญหาเหล่านี้จึงทำให้กระทบไปถึงราคาน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันผันผวนสูงขึ้นและค่าครองชีพก็สูงขึ้นตามไปด้วย ผู้คนต่างต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่าย และกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงิน ’
ฉะนั้น บทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมัน ลดค่าใช้จ่ายในกระเป๋า และบรรเทาภาระทางการเงินในช่วงที่ราคาน้ำมันสูงกัน แต่ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้ถึงปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวนก่อนดีกว่า ว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้าง ?
ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวน มี 5 ปัจจัยหลักๆ คือ ด้านภูมิรัฐศาสตร์, ด้านอุปทาน, ด้านอุปสงค์, ด้านเงินเฟ้อ และด้านนโยบายขององค์กรระหว่างประเทศ
1. ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
อาทิ เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ จะส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำมันโลกโดยตรง
2. ปัจจัยด้านอุปทาน
ปัญหาการผลิตน้ำมันดิบ เช่น การขุดเจาะน้ำมันที่ยากลำบาก การขาดแคลนแรงงาน หรือเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ เช่น พายุเฮอร์ริเคน ที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตน้ำมัน ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดลดลง และราคาน้ำมันก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามไป
3. ปัจจัยด้านอุปสงค์
ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เช่น ในช่วงฤดูหนาว ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อใช้ในการทำความร้อนจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่งผลต่อราคาน้ำมันนั่นเอง
4. ปัจจัยด้านเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
5. นโยบายขององค์กรระหว่างประเทศ
การตัดสินใจขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เกี่ยวกับการปรับลดหรือเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เช่นกัน
10 วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
ในยุคน้ำมันแพง การขับรถให้ประหยัดน้ำมันจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและรักษาสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้เป็น 10 วิธีง่ายๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้
1. ตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ
การรักษาระดับลมยางที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต ช่วยลดแรงต้านทานการหมุนของล้อ ทำให้รถเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้นและประหยัดน้ำมัน
2. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
การเร่งเครื่องและเบรกบ่อยๆ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าการขับรถด้วยความเร็วคงที่ การรักษาระดับความเร็วที่เหมาะสม โดยเฉพาะบนทางหลวง ช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็น
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในรถ ทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น การนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ ช่วยลดภาระของเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้
4. ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดรถนานๆ
การดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถนานๆ เช่น ขณะรอคน หรือขณะทำธุระ ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่าการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้
5. ใช้ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
หากรถของคุณมีระบบควบคุมความเร็วคงที่ การใช้ระบบนี้ขณะขับรถทางไกล ช่วยให้คุณรักษาระดับความเร็วได้อย่างสม่ำเสมอ ลดการเร่งเครื่องและเบรกบ่อยๆ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันได้
6. วางแผนการเดินทาง
การวางแผนเส้นทางล่วงหน้า ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด หรือเส้นทางที่ต้องอ้อม ทำให้คุณประหยัดเวลาและน้ำมันได้
7. ดูแลรักษารถยนต์ตามระยะเวลา
การบำรุงรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การตรวจสอบไส้กรองอากาศ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมัน
8. เลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสม
การเลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับประเภทรถยนต์ของคุณ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมัน
9. ขับรถอย่างนุ่มนวล
การขับรถอย่างนุ่มนวล ไม่เร่งเครื่องหรือเบรกกระทันหัน ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้
10. ตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณพบปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงที ทำให้รถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมัน
แชร์ข้อดีของการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และเทคนิควิธีคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง
การคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมการใช้น้ำมันของรถยนต์ และยังช่วยให้คุณวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อดีของการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
- ตรวจสอบสภาพรถได้ทันเวลา : หากอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์มีปัญหา ยางรถยนต์ไม่สมดุล หรือมีอุปกรณ์บางส่วนชำรุด ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้นได้
- เลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสม : การรู้จักอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จะช่วยให้สามารถเลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับรถยนต์และสไตล์การขับขี่ของคุณได้
- ประหยัดน้ำมัน : เมื่อทราบว่าพฤติกรรมการขับขี่แบบใดที่ทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูง คุณก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ของคุณให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นได้ เช่น ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องและเบรกกระทันหัน
- วางแผนค่าใช้จ่าย : ช่วยให้สามารถประมาณค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้แม่นยำยิ่งขึ้น ส่งผลให้คุณสามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิควิธีคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง
สูตรคำนวณ : อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร/ลิตร) = ระยะทางที่วิ่ง (กิโลเมตร) ÷ ปริมาณน้ำมันที่เติม (ลิตร)
ตัวอย่าง : สมมติว่าคุณเติมน้ำมัน 50 ลิตร และขับรถได้ระยะทาง 500 กิโลเมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 500 กิโลเมตร ÷ 50 ลิตร = 10 กิโลเมตร/ลิตร
* ปริมาณน้ำมันที่เติม : จำนวนลิตรของน้ำมันที่คุณเติมลงในถัง
** ระยะทางที่วิ่ง : จำนวนกิโลเมตรที่คุณขับรถหลังจากเติมน้ำมัน
ขับรถสบายกระเป๋า กับเคล็ดลับวิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมัน
ถ้าคุณอยากขับรถเพลินๆ พร้อมประหยัดเงินในกระเป๋าไปด้วย ต้องมาดูเคล็ดลับวิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมันกันเลย
1. วางแผนเส้นทางก่อนออกเดินทาง
ด้วยการหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด เพราะการติดอยู่บนถนนทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
2. เลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสม
ด้วยการเลือกใช้น้ำมันที่มีคุณภาพ เพราะน้ำมันที่มีคุณภาพจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันมากขึ้น และควรเลือกใช้น้ำมันตามที่ระบุในคู่มือรถยนต์ เพราะการเลือกใช้น้ำมันที่ไม่ตรงกับที่ระบุในคู่มือรถยนต์อาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ได้
3. บำรุงรักษารถยนต์ให้สม่ำเสมอ
ด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด เพราะน้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
4. หมั่นตรวจเช็กยางรถยนต์
ให้ลมยางอยู่ในระดับที่ถูกต้องตามที่ระบุในคู่มือรถยนต์ เพราะลมยางที่อ่อนหรือแข็งเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นเช่นกัน
และเคล็ดลับวิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมันข้อสุดท้าย คือ การเปลี่ยนยางรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ซึ่งยางประหยัดน้ำมัน คือ ยางรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้มีแรงต้านทานการหมุนต่ำ ทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ลดการสูญเสียพลังงาน และส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยางประหยัดน้ำมัน สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์อย่าง Dunlop ได้เลย