หากพูดถึงอัญมณีล้ำค่าแล้ว สิ่งแรกที่ทุกคนคิดก็คงหนีไม่พ้น 6 อัญมณีทรงคุณค่าที่มีมูลค่าสูงสุดตลอดกาลอย่างเพชร ทับทิม มรกต ไข่มุก บุษราคัม และไพลิน แต่รู้หรือไม่ว่า บนท้องถนนที่เราใช้สัญจรกันอยู่ทุกวันนี้ ก็มีอัญมณีล้ำค่าซ่อนอยู่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าคุณจะมองเห็นมันไหม ? ซึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่นั้น นั่นก็คือ รถยนต์คลาสสิก นั่นเอง!
ทำไมรถยนต์คลาสสิกถึงได้ชื่อว่าอัญมณีล้ำค่าแห่งท้องถนน?
นั่นก็เพราะว่ารถรุ่นคลาสสิคแต่ละคันล้วนมีประวัติเรื่องราวความเป็นมาที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การได้สัมผัสกับรถคลาสสิกเปรียบเสมือนการย้อนเวลากลับไปสู่อดีต
‘ สัมผัสบรรยากาศอันคลาสสิก มองเห็นผู้คนขวักไขว่บนท้องถนน พร้อมภาพหญิงชายที่สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์ Old Money บวกกับเสียงเครื่องยนต์อันทรงพลัง และกลิ่นอายของยุคสมัยที่รุ่งเรือง…’
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ต่างเพิ่มมูลค่าของรถยนต์ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นรถรุ่นคลาสสิคที่หลายๆ คนพร้อมถวายทั้งตัว หัวใจ และเงินทองเพื่อที่จะได้มันมาครอบครองเลยทีเดียวเชียว
รู้หรือไม่ว่า ‘รถเก่า’ ไม่ใช่ทุกคันที่จะได้เป็น ‘รถยนต์คลาสสิก’
หลายคนมักเข้าใจผิดว่า รถเก่าทุกคันสามารถเรียกว่า ‘รถคลาสสิก’ ได้ แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคันที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นรถคลาสสิก ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจกันใหม่ดีกว่าว่ารถเก่า และรถคลาสสิกนั้นมีข้อแตกต่างกันที่ตรงไหน ?
รถเก่า หมายถึง รถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี หรืออาจจะมากกว่า 30 ปี ขึ้นอยู่กับนิยามในบางประเทศ รถเก่าเหล่านี้เป็นได้ทั้งรถที่ใช้งานทั่วไป สภาพดี หรืออาจจะอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม ไม่ได้ใช้งานแล้วก็ได้ แต่รถคลาสสิกจะไม่ได้หมายความถึงแค่อายุเท่านั้น แต่รถคลาสสิก หมายถึง รถยนต์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ดังนี้
- อายุ : โดยทั่วไปรถคลาสสิกจะมีอายุมากกว่า 25 ปี ขึ้นอยู่กับนิยามในบางประเทศ ซึ่งอาจจะมากกว่า 30 ปี
- ความหายาก : รถคลาสสิกมักเป็นรุ่นที่มีการผลิตจำนวนจำกัด หรือหายากในปัจจุบัน
- ดีไซน์ : รถคลาสสิกมักมีดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงยุคสมัยที่ผลิต
- ประวัติศาสตร์ : รถคลาสสิกบางรุ่นอาจมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญ หรือบุคคลสำคัญ
- สภาพ : รถคลาสสิกควรอยู่ในสภาพดี ใช้งานได้ หรือได้รับการบูรณะอย่างถูกต้อง
ตัวอย่างรถคลาสสิคยอดนิยมที่แม้แต่ปี 2024 ก็ยังเป็นที่กล่าวขาน!
2 รุ่นรถคลาสสิกที่ยังคงเป็นตำนานไร้กาลเวลาอยู่ถึงทุกวันนี้ ก็คงหนีไม่พ้นรถ Volkswagen คลาสสิค อย่าง Volkswagen Beetle 1963 และรถจากัวร์คลาสสิค อย่าง Jaguar XK140 (1954-1957)
- รถ Volkswagen คลาสสิค : Volkswagen Beetle 1963
Volkswagen Beetle 1963 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เต่า’ เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่โด่งดังที่สุดในโลก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.2 ลิตร ระบายความร้อนด้วยอากาศ ผลิตกำลัง 40 แรงม้า การออกแบบที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ภายนอกของ Volkswagen Beetle 1963 ยังคงรูปทรงโค้งมนคลาสสิกที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ คุณสมบัติที่โดดเด่น ได้แก่ กระจกหน้ารถโค้งขนาดใหญ่ กันชนที่ยื่นออกมา ภายในมีเบาะนั่งแบบยาว หลังคาแบน และแม้ว่าการผลิต Volkswagen Beetle 1963 จะสิ้นสุดลงในปี 2003 แต่ตำนานของมันยังคงอยู่ ความนิยมที่ยั่งยืนของรถคันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงดีไซน์ที่ไร้กาลเวลา
- รถจากัวร์คลาสสิค : Jaguar XK140 (1954-1957)
Jaguar XK140 มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบ DOHC ขนาด 3.4 ลิตร ให้กำลัง 150-190 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. Jaguar XK140 ผลิตเพียง 12,000 คัน แต่กลายเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกที่ได้รับความนิยมสูงด้วยดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และความหรูหรา ปัจจุบัน Jaguar XK140 มีมูลค่าสูงในตลาดนักสะสม เพราะ Jaguar XK140 ไม่ใช่แค่รถยนต์แต่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัย เป็นตัวแทนของความงาม ความเร็ว และความหรูหรา ที่ยังคงดึงดูดผู้คนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ตลาดรถยนต์คลาสสิคที่คึกคักไม่แพ้ตลาดรถยนต์ทั่วไป!
ในขณะที่ตลาดรถยนต์ทั่วไปเผชิญกับภาวะชะลอตัว ตลาดรถยนต์คลาสสิกกลับคึกคักอย่างน่าประหลาดใจ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของงานศิลปะ ความงาม และการสะสมที่ดึงดูดผู้คนในยุคสมัยใหม่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเห็นผู้คนหันมาสนใจและสะสมรถคลาสสิกกันมากขึ้น เพราะ “รถคลาสสิกไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่เปรียบเสมือนงานศิลปะบนท้องถนน” ที่แต่ละคันก็มีเรื่องราว เอกลักษณ์ และดีไซน์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทำให้ดึงดูดนักสะสมและผู้ชื่นชอบที่มองหารถยนต์ที่มากกว่าแค่การใช้งาน และที่สำคัญรถคลาสสิกยังเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพ เพราะมูลค่าของรถคลาสสิกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาวนั่นเอง
อย่างที่เราย้ำไปในหลายๆ ครั้ง ว่ารถคลาสสิกนั้นเป็นเหมือนงานศิลปะชิ้นเอก ที่สะท้อนถึงรสนิยม ความหลงใหล และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทำให้รถคลาสสิก = สิ่งของที่มีมูลค่าหาที่เปรียบไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งมีมูลค่ายิ่งต้องดูแลให้ดี
ดังนั้น หากเราจะเลือกยางรถยนต์ให้กับรถยนต์คลาสสิกของเราสักคัน เราควรเลือกจากผู้ให้บริการยางรถยนต์ที่มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญการ และมีความน่าเชื่อถือ สามารถให้คำแนะนำ คำปรึกษา และบริการหลังการขายที่ดีได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณสามารถหาได้ที่ ดันลอป ไทร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เลย