NEWS & PROMOTION

ข่าวสารและโปรโมชั่น

รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไร แล้วแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?

รถสตาร์ทไม่ติด เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ใช้รถทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว ยังสร้างความกังวลใจให้เราอีกด้วย บทความนี้ DUNLOP จะพาทุกคนไปดูถึงสาเหตุของปัญหารถสตาร์ทไม่ติด พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น และวิธีป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นในอนาคต

 

สาเหตุของรถสตาร์ทไม่ติด และวิธีแก้ไขเบื้องต้น

รถสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่สิ่งแรกที่ผู้ขับขี่ควรทำคือตั้งสติ และค่อยๆตรวจสอบถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุเหล่านี้

 

1. แบตเตอรี่หมดหรือเสื่อมสภาพ

เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือพฤติกรรมการใช้งานเช่น รถที่จอดทิ้งไว้ไม่ไดใช้งานนานๆ เผลอเปิดไฟรถทิ้งไว้ หรือไม่ได้ดูน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ ซึ่งผู้ใช้รถสามารถสังเกตอาการได้จาก ไฟแจ้งเตือนแบตเตอรี่บนหน้าปัด ไฟหน้าปัดอ่อน หรือสตาร์ทรถไม่ติดเลย

วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือ ทำการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ โดยใช้สายจั๊มพ์แบตเชื่อมเข้ากันระหว่างแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตหมด และรถที่มาช่วยจัมพ์แบต เพื่อถ่ายเทประจุไฟฟ้าให้แบตเตอรี่กลับมาใช้ได้ชั่วคราว แต่วิธีนี้มีขั้นตอนที่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะถ้าหากทำไม่ถูกวิธีอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรและส่งผลเสียต่อตัวรถและผู้ใช้รถได้

 

2. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก

ขั้วแบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญในการจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าในรถยนต์ทั้งหมด หากไม่ค่อยได้ดูแลความสะอาด มักเกิดคราบขี้เกลือหรือคราบกรดขึ้นได้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายผงแป้งสีขาวหรือสีฟ้าเกาะอยู่รอบๆบริเวณขั้วแบตเตอรี่ หากปล่อยทิ้งไว้คราบเหล่านี้จะไปปิดกั้นการจ่ายกระแสไฟฟ้า ไม่ให้ไหลผ่านขั้วแบตเตอรี่ ส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติดได้ด้วยเช่นกัน

วิธีแก้ไขคือ นำน้ำร้อนไปเทลงบริเวณคราบขี้เกลือให้ทั่วแบตเตอรี่ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดออกให้สะอาด โดยหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าแห้งเพราะอาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้

 

3. ไดสตาร์ทเสีย

ไดสตาร์ทคืออุปกรณ์ทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์โดยเฉพาะ โดยต่อตรงมาจากแบตเตอรี่ จะทำงานเมื่อถูกกระตุ้นโดยการเสียบกุญแจ หรือกดปุ่มสตาร์ทเพื่อให้เครื่องยนต์เริ่มทำงาน โดยอาการที่บ่งบอกว่าไดสตาร์อาจมีปัญหาคือ ไฟหน้าปัดขึ้นปกติแต่ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ หรือได้ยินเสียง “แชะ” ตอนสตาร์ทแต่เครื่องยนต์เงียบไม่ทำงาน

วิธีแก้ไขคือ สำหรับรถเกียร์กระปุกให้เข้าเกียร์ 1 เหยียบคลัตซ์ บิดกุญแจจนสุด พอไฟหน้าปัดแสดงขึ้นมา ให้เข็นรถจนได้ความเร็วพอเหมาะ จากนั้นปล่อยคลัตซ์และเหยียบคันเร่งเพื่อให้เครื่องยนต์ติดขึ้นมาใหม่

สำหรับเกียร์ออโต้ แนะนำให้นำประแจหรือโลหะ ไปเคาะเบาๆ ที่ไดสตาร์ทประมาณ 3-5 ครั้งแล้วลองสตาร์ทรถใหม่ ซึ่งถ้าหากรถสตาร์ทติด ให้รีบนำรถเข้าอู่เลยทันที

 

4. ไดชาร์จเสีย

ไดชาร์จคืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งไปเลี้ยงระบบไฟฟ้าทั่วรถยนต์ ดังนั้นเมื่อไดชาร์จเสียจึงส่งผลให้แบตเตอรี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เป็นต้นเหตุทำให้รถสตาร์ทไม่ติด โดยสังเกตได้จากอาการเช่น แบตเตอรี่หมดไว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดปกติ มีเสียงแปลกๆ หรือเสียงหอนจากใต้ท้องรถ มีไฟแจ้งเตือนรูปแบตเตอรี่

วิธีแก้ไขคือ แนะนำให้ผู้ขับขี่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือเรียกรถลากเพื่อนำรถไปซ่อมที่อู่ เนื่องจากกรณีไดชาร์จเสียไม่สามารถทำการพ่วงแบตเตอรี่หรือซ่อมด้วยตนเองได้

 

5.ปั๊มติ๊กหรือปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ทำงาน

ปั๊มติ๊กมีหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์ หากปั๊มติ๊กไม่ทำงาน เครื่องยนต์จะมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เป็นหนึ่งในสาเหตุทำให้รถสตาร์ทไม่ติดได้  โดยผู้ขับขี่สามารถสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าปั๊มติ๊กเริ่มมีปัญหาคือ รถเร่งไม่ขึ้น เครื่องยนต์กระตุก และอาจได้ยินเสียงแปลกๆบริเวณถังน้ำมัน

วิธีแก้ไขคือ หากผู้ขับขี่รับรู้ได้ถึงอาการดังที่กล่าวมา ควรรีบนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที ก่อนที่ปั๊มติ๊กจะเสียจนรถสตาร์ทไม่ติด แต่ถ้าหากสตาร์ทไม่ได้แล้ว วิธีเดียวที่สามารถช่วยได้คือ เรียกรถลากเพื่อนำรถไปซ่อมที่อู่รถยนต์

 

6. น้ำมันเชื้อเพลิงหมด

น้ำมันหมดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เพราะเมื่อไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถทำงานได้  และแม้จะยังมีน้ำมันเหลืออยู่บ้าง แต่หากน้อยเกินไปจนปั๊มติ๊กไม่สามารถดูดขึ้นมาได้ ก็อาจทำให้ระบบขัดข้อง และยังเสี่ยงทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมเร็วกว่าปกติอีกด้วย

วิธีแก้ไขคือ เติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อให้เครื่องยนต์กลับมาทำงานได้ตามปกติ

 

7.ระบบไฟฟ้ามีปัญหา

ปัญหาระบบไฟฟ้าส่วนอื่นๆ ขัดข้อง อาจส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติดได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นฟิวส์ขาด สายไฟหลวม หรือรีเลย์บางตัวเสีย ก็อาจเป็นสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ระบบสตาร์ททำงานผิดปกติได้

วิธีแก้ไขคือ แนะนำให้นำรถเข้าไปตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แก้ไขได้ตรงจุดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

วิธีป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติด

เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ผู้ใช้รถสามารถลดความเสี่ยงของปัญหาสตาร์ทรถไม่ติดในอนาคตได้ ด้วยการดูแลและป้องกันเบื้องต้น ดังนี้

 

ตรวจสอบแบตเตอรี่สม่ำเสมอ

หมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่น และทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำ หากแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานใกล้ครบกำหนด (โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 2 ปี) ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถสตาร์ทไม่ติด หรือดับกลางทาง

 

นำรถออกมาใช้เป็นประจำ

การจอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์เลย ทำให้แบตเตอรี่เสียประจุไฟและเสื่อมสภาพได้ง่าย จึงควรนำรถออกมาขับอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้มีการชาร์จไฟเข้าไปในแบตเตอรี่

 

นำรถเข้าเช็กระยะตามกำหนด

การนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็กระยะตามกำหนด เป็นการช่วยตรวจสอบสภาพรถยนต์โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ระบบสตาร์ท ระบบเชื้อเพลิง และระบบไฟฟ้าต่างๆ หากพบความผิดปกติ จะได้แก้ไขทันท่วงที เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รถสตาร์ทไม่ติดและปัญหาอื่นๆ ตามมาในอนาคต

 

เลือกใช้อะไหล่และอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ

การเลือกใช้อะไหล่แท้หรืออุปกรณ์ที่มีคุณภาพ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์และลดโอกาสเกิดปัญหาต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ปัญหารถสตาร์ทไม่ติด อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ใช้รถยนต์ทุกคน แต่หากเรามีความรู้ความเข้าใจในสาเหตุและวิธีแก้ไขเบื้องต้น รวมถึงการดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ และลดโอกาสการเกิดซ้ำในอนาคต เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยสูงสุด

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ สัญญาณที่ควรระวังและวิธีการตรวจสอบ

อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ขับขี่รถยนต์อาจจะต้องเผชิญ เมื่ออยู่ๆ รถยนต์ของคุณก็มีอาการสั่นทั้งที่จอดอยู่ หรือเป็นหนักขึ้นขณะขับขี่ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า คุ

อ่านต่อ...

รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไร แล้วแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?

รถสตาร์ทไม่ติด เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ใช้รถทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว ยังสร้างความกังวลใจให้เราอีกด้วย บทความนี้ DUNLOP จะพาทุ

อ่านต่อ...

DUNLOP พาตัวแทนจำหน่ายยางท่องเที่ยวสุดพิเศษ จ.ตรัง สัมผัสมนต์เสน่ห์แดนใต้

บริษัท ดันลอป ไทร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดทริปพาร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยางดันลอป เดินทางท่องเที่ยว จ.ตรัง ระหว่าง วันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2568 เพื่อเป็นการขอ

อ่านต่อ...
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Price
  • ประสิทธิภาพบนถนนแห้ง
  • ประสิทธิภาพบนถนนเปียก
  • การต้านทานการเหินน้ำ
  • ความเงียบ
  • ความสะดวกสบาย
  • อายุการใช้งาน
  • พื้นหิมะ
  • พื้นโคลน
  • ถนนลูกรัง
  • ถนนเรียบ
  • ชนิดของรถ
Click outside to hide the comparison bar
Compare