เชื่อว่าหลายคนคงทราบดีว่ารถ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ควบคู่ไปกับความนิยมนั้นก็มีคำถามมากมายเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องยางรถยนต์ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “ยางรถไฟฟ้า EV ใส่กับยางรถธรรมดา ได้หรือไม่?” “ยางรถไฟฟ้า EV ต้องใช้ยางเฉพาะหรือเปล่า?” “ยางธรรมดาใส่กับรถ EV ได้ไหม?” “ทำไมยาง EV ถึงแพงกว่ายางธรรมดา?” วันนี้ Dunlop จะมาไขข้อข้องใจให้คุณทราบ พร้อมแนะนำยาง Dunlop ที่เหมาะกับรถ EV ของคุณกันครับ
มาทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV คืออะไรกัน
ก่อนอื่น เรามาเริ่มทำความรู้จักกับรถ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้ากันคร่าวๆ กันก่อน รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV มีชื่อเรียกแบบเต็มว่า Electric Vehicle คือ ยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน แทนการใช้น้ำมันเหมือนรถยนต์ทั่วไป เปรียบเสมือนเปลี่ยนจากการเติมน้ำมันมาเสียบปลั๊กชาร์จไฟ พลังงานไฟฟ้าจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ใต้ท้องรถ พร้อมจ่ายพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้าหมุนล้อ ขับเคลื่อนตัวรถไปได้อย่างราบรื่น เงียบสงบ และปลอดมลพิษ
ยางรถยนต์ทั่วไป VS ยางรถ EV ต่างกันยังไง ?
อย่างที่ทราบกันดีว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีอัตราเร่งและแรงบิดที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป และด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นนี้เองจึงทำให้ยางรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้น ต้องการคุณสมบัติที่รองรับสมรรถนะและประสิทธิภาพการทำงานของรถ EV ซึ่งจะแตกต่างจากยางธรรมดา ดังนี้
- รองรับแรงบิดที่สูง : ยางต้องถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อแรงบิดที่สูงของมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของยาง
- การยึดเกาะถนน : ยาง EV มักมีดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนโดยเฉพาะบนถนนเปียก ซึ่งมีความสำคัญสำหรับรถที่มีแรงบิดสูงอย่างรถ EV
- เสียงรบกวน : ยาง EV มักมีหน้ายางที่ลดเสียงรบกวนมากกว่ายางธรรมดา ช่วยให้การขับขี่เงียบสงบยิ่งขึ้น
- ประหยัดพลังงาน : ยาง EV มีแรงต้านการหมุนต่ำ หมายความว่าสูญเสียพลังงานน้อยลง ส่งผลให้วิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- รองรับน้ำหนักที่มากกว่า : รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มักมีน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไป เนื่องจากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ยาง EV จึงต้องรับน้ำหนักบรรทุกที่มากกว่า โดยผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และโครงสร้างที่เสริมความมั่นคง
ทำไมยาง EV ถึงมีราคาแพงกว่ายางธรรมดา?
ยาง EV หรือยางที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีราคาแพงกว่ายางธรรมดาอยู่พอสมควร สาเหตุหลักๆ มาจาก 3 ประการ ดังนี้
- เทคโนโลยี : ยางรถไฟฟ้า EV ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสมรรถนะที่เหนือกว่าของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น แรงบิดที่สูง อัตราเร่งที่รวดเร็ว และน้ำหนักที่มาก ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อนกว่ายางธรรมดา วัสดุที่ใช้ก็มีคุณภาพสูงกว่า ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
- วัสดุชั้นเยี่ยม : ยางรถไฟฟ้า EV มักผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง เน้นความทนทานต่อแรงเสียดทานและความร้อน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ซิลิกาผสมลงในเนื้อยาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ทนทานต่อการสึกหรอ ล้วนส่งผลต่อราคายางรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น
- กระบวนการผลิตที่ซับซ้อน : การผลิตยางรถไฟฟ้า EV นั้นมีความซับซ้อน ต้องใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่พิเศษ ประกอบกับจำนวนผู้ผลิตยาง EV ที่ยังมีจำกัดส่งผลต่อราคายางรถไฟฟ้าที่สูงขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย วัสดุชั้นเยี่ยม และกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ยางสําหรับรถ EV นั้นมีประสิทธิภาพเหนือกว่ายางธรรมดานั่นเอง
รถ EV ต้องใช้ยางอะไร จำเป็นต้องใช้ยาง EV เสมอไปหรือไม่?
หลายคนสงสัยกันใช่ไหมว่า รถ EV ของเรา ต้องใช้ยางพิเศษสำหรับรถไฟฟ้าหรือเปล่า บอกเลยว่า ไม่จำเป็นเสมอไป ยางธรรมดาก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมนะครับ โดยหลักๆ เลยคือ เลือกยางที่มีขนาดและดัชนีรับน้ำหนักที่ตรงกับรุ่นรถของเรา เพราะว่ารถ EV นั้นโดยส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไป เนื่องจากแบตเตอรี่ที่อัดแน่นอยู่ด้านใน ยางที่ใช้จึงต้องรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
ยาง Dunlop รุ่นไหนดี เหมาะกับรถ EV ของคุณ?
Dunlop ขอเอาใจเหล่าผู้ขับขี่ EV โดยเฉพาะ! ด้วยยางรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกการขับขี่ของคุณ มั่นใจได้เลยว่าทั้งเงียบ ประหยัด และปลอดภัยสุดๆ ไปกับยาง Dunlop มีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันเลย!
- Dunlop SP SPORT MAXX060+ : สายสปอร์ตห้ามพลาด! ยางรุ่นนี้มาพร้อมกับสมรรถนะการยึดเกาะถนนขั้นเทพ ควบคุมง่าย เหมาะกับการขับขี่แบบดุดัน มั่นใจได้ทุกโค้งทุกความเร็ว
- Dunlop SP SPORT LM705 : ยางสำหรับสายนุ่มนวล เน้นการขับขี่ที่นุ่มเงียบ ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบายสูงสุด
- Dunlop ENASAVE EC300+ : ประหยัดพลังงาน เงียบกริบ ยืดอายุการใช้งาน เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน มองหาความคุ้มค่า ต้องรุ่นนี้เลย
- Dunlop SP SPORT MAXX050 : ยางประสิทธิภาพสูง เน้นการยึดเกาะถนน ควบคุมง่าย เหมาะกับทุกสไตล์การขับขี่ ทั้งในเมืองและนอกเมือง
- Dunlop ENASAVE EC300 : ประหยัดน้ำมัน เงียบกริบ เหมาะกับการขับขี่ในเมือง เน้นความคุ้มค่า
หมายเหตุ : ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น แนะนำให้ศึกษาข้อมูลรุ่นยาง ขนาด และรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยางรถยนต์ถือเป็นอีกหนึ่งอะไหล่ชิ้นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานและความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง เปรียบเสมือนรองเท้าคู่เก่งของเราที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษนั้นเอง
หากท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยางรถยนต์ EV สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการยางดันลอป ตัวแทนจำหน่ายรถ หรือศูนย์บริการดันลอปทั่วประเทศ เพื่อรับคำแนะนำยางสําหรับรถ EV ของคุณโดยเฉพาะ