วิธีเช็กยางใหม่หรือยางเก่า จากตัวเลขบนแก้มยาง

การเช็กว่ายางใหม่หรือยางเก่า สามารถทำได้มากกว่าการเช็กสภาพยางภายนอก นั่นคือการสังเกตที่รหัสยาง เพราะจะระบุปีที่ผลิตไว้ผ่านรหัสยางบนแก้มยางนั่นเอง และสำหรับใครที่กำลังอยากเปลี่ยนยางใหม่ “ตัวเลขบนแก้มยาง” จะช่วยบอกขนาด ลงลึกถึงรายละเอียดของยาง ไปจนถึงสมรรถนะของยางรถยนต์เส้นนั้น ๆ เพื่อให้เราใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมกับการขับขี่ที่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

รหัสยางสำคัญอย่างไร

 

การอ่านตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนยางรถยนต์นั้นช่วยให้รู้จักยางรถยนต์ที่ตัวเองใช้มากขึ้น สำหรับการขับขี่หรือเปลี่ยนยางใหม่ในอนาคต และนอกจากจะรู้ปีที่ผลิตยางเส้นนั้น ๆ แล้ว ยังสามารถลงลึกถึงค่าต่าง ๆ จากรหัสยางและตัวเลขบนแก้มยาง เช่น ความกว้างของหน้ายาง ความสูงของแก้มยาง ชนิดของยาง เส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ ดัชนีการรับน้ำหนัก รวมไปถึงค่าความเร็วสูงสุด เพิ่มความมั่นใจสำหรับการขับขี่ได้ปลอดภัย หรือเพื่อเปลี่ยนยางเส้นใหม่

 

ตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตจากรหัสยาง

อีกหนึ่งทริกที่จะช่วยให้การเลือกเปลี่ยนยางรถยนต์ของคุณนั้นมั่นใจมากขึ้น คือ การเช็กว่า ยางนั้น ๆ เป็นยางใหม่หรือยางเก่าจากรหัสยางตัวยางรถยนต์ ไม่ให้เสียรู้เผลอได้ยางเก่ามาใช้งาน


โดยวันที่ผลิตยางจะระบุอยู่บริเวณแก้มยางด้านนอก เป็นตัวเลขจำนวน 4 หลัก (WWYY) ซึ่งยางเส้นที่ผลิตขึ้นหลังปี ค.ศ.2000 จะต้องระบุตัวเลขดังกล่าวตามหลักมาตรฐานสากล วิธีการอ่านตัวเลขให้เริ่มจากตัวเลข 2 หลักด้านหน้า หมายถึงสัปดาห์ที่ยางเส้นนั้นถูกผลิตขึ้น และส่วนตัวเลข 2 หลักด้านหลังหมายถึงปี ค.ศ. ที่ผลิต เช่น เลข “2423” เท่ากับว่ายางเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 24 ของปี 2023 นั่นเอง

 

วิธีอ่านชุดรหัสยางและตัวเลขบนแก้มยางรถยนต์

สังเกตได้ว่า จะมีรหัสยางและตัวเลขบนแก้มยางรถยนต์มากมาย จนไม่รู้จะเริ่มอ่านอย่างไร บทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น โดยการเริ่มจากชุดรหัสยางตัวแรก ดังต่อไปนี้

ตัวอักษรบนแก้มยาง ก่อนจะไปถึงตัวเลขชุดบางครั้งจะมีตัวอักษรขึ้นอยู่ ดังนี้

P (Passenger Car) = รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
LT (Light Truck) = รถบรรทุกขนาดเล็ก รถปิคอัพ
C (Van Commercial Tyre) =  รถตู้พาณิชย์
XL, HL หรือ Reinforced =  ยางที่รับน้ำหนักสูงกว่าระดับปกติ
ST (Special Trailer) = ยางสำหรับรถพ่วงพิเศษ
T (Temporary) = ยางใช้ชั่วคราว หรือยางอะไหล่

ความกว้างของยาง สามารถอ่านได้จากตัวเลขบนแก้มยางชุดแรก มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร เช่น P235/70R16 91S ตัวเลข 225 หมายถึง ความกว้างหน้าตัดยาง คือจากแก้มยางด้านหนึ่งไปถึงแก้มยางอีกด้านหนึ่ง หรือคือระยะห่างระหว่างแก้มยางด้านในและด้านนอกของยาง

อัตราส่วนขนาดล้อรถ เป็นเลขชุดถัดต่อไป ใช้สำหรับหาค่าอัตราส่วนระหว่างความสูงกับความกว้างของยาง โดยการนำเอาจำนวนเต็มมาคูณด้วย 100 แล้วเรียกว่า ซีรีส์ ตามตัวเลข เช่น P235/70R16 91S ตัวเลข 70 หมายถึง เปอร์เซนต์ที่บอกความสูงของแก้มยางระหว่างจุดบนสุดของดอกยาง หรือขอบล้อ 70% ของความกว้างของยาง

โครงสร้างของยางและเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อรถ ถัดมาเป็นตัวอักษรที่ระบุประเภทของโครงสร้างยาง ดังเช่น P235/70R16 91S

– R ย่อมาจาก RADIAL ยางเรเดียล โครงสร้างเป็นชั้นผ้าใบ และมีเส้นลวดพันอยู่โดยรอบยางทำมุมทะแยงกับเส้นรอบวงของยาง
– D ย่อมาจาก DIAGONAL OR BIAS PLY ยางผ้าใบ

และตัวเลขที่อยู่ด้านหลังถัดมาคือ รหัสของเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อรถยนต์ ซึ่งมีหน่วยเป็นนิ้ว เช่น ขนาดยาง P235/70R16 91S เท่ากับยางเส้นนี้สามารถใส่กับกะทะล้อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 นิ้ว หรือเรียกว่ายางรถยนต์ขอบ 16 นั่นเอง

อ่านค่าการรับน้ำหนักและความเร็วสูงสุด ตัวเลขบนแก้มยางชุดถัดมาจะทำหน้าที่บอกว่า ยางเส้นนั้น ๆ สามารถรองรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ โดยหน่วยจะเป็นกิโลกรัม เช่น P235/70R16 91S ซึ่งเลขนี้จะไม่ได้แสดงถึงน้ำหนักที่รับได้โดยตรง แต่จะเป็นดัชนีการรับน้ำหนักสัมพันธ์กับความสามารถในการรับน้ำหนักของยางแต่ละเส้น เริ่มต้นที่ 60 ถึงหลัก 179 กล่าวคือ

– P235/70R16 91S เท่ากับตัวเลขดัชนี 91 ยางเส้นนี้รับน้ำหนักได้ 615 กิโลกรัม รถยนต์ 1 คัน มียาง 4 เส้น ดังนั้นเท่ากับว่าสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 2,460 กิโลกรัม โดยสามารถหาค่าดัชนีการรับน้ำหนักได้จาก “ตารางเทียบค่าดัชนีการรับน้ำหนัก”

– ในส่วนของดัชนีความเร็วยางสูงสุด จะเป็นตัวอักษรถัดมาจากดัชนีรับน้ำหนัก 91S  แสดงถึงความสามารถในการใช้ความเร็วสูงสุดของยางเส้นนั้น ๆ เช่น ตัวอักษร S รองรับอัตราความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่ R คือรับอัตราความเร็วสูงสุด 1800 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ W คือ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นลำดับถัดมา ซึ่งดัชนีความเร็วยางนั้นเป็นการบ่งบอกสมรรถนะของการยึดเกาะถนนได้ดี ไม่ใช่ความเร็วที่ใช้แนะนำสำหรับการเดินทาง ดังนั้นควรยังคงขับขี่บนความไม่ประมาท และขับด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

 

วิธีอ่านรหัสยางอื่น ๆ บนแก้มยาง

 

  • สัญลักษณ์แบรนด์ยางรถยนต์ แน่นอนว่าจะต้องมีตัวอักษรยี่ห้อยางนั้น ๆ ที่คุณเลือกใช้ปรากฎอยู่บนแก้มยางของคุณด้วย
  • ประเภทยางรถยนต์ สังเกตตัวอักษรคำว่า “Tubeless” บนแก้มยาง แปลว่า ยางเส้นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยางใน อีกทางหนึ่งหากเป็นคำว่า “Tube type) หมายความว่า ยางรถยนต์เส้นนี้จำเป็นต้องมียางในนั่นเอง

 

 

  • ค่าแรงดันลมยาง บางครั้งบนแก้มยางจะมีเครื่องหมาย (MAXLOAD และ MAX PRESS) สำหรับระบุการรับน้ำหนักสูงสุดและแรงดันลมยางสูงสุดที่ยางนั้นสามารถรองรับได้ อย่างไรก็ตามเราสามารถตรวจสอบค่าข้อมูลแรงดันลมยางได้จากคู่มือรถยนต์ ที่ติดอยู่ฝั่งประตูข้างคนขับ หรือที่ฝาช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง
  • สัญลักษณ์ DOT หมายถึง เป็นหมายเลขที่ได้รับการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยของยางรถยนต์ และการใช้งานยางรถยนต์บนทางหลวงจากกระทรวงคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสัญลักษณ์นี้มักจะอยู่ด้านหน้าของปีที่ผลิตยางรถยนต์นั้น ๆ

 

SHARE:

RELATE TIPS & TRICK

used-tire-checklist1
comfort-tire1
car-checkup_1