ยางอะไหล่มีขนาดไม่เท่ากัน ใช้แทนกันได้ไหม?

คงไม่มีใครอยากให้เกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดระหว่างการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นยางรั่ว ยางแบน ยางแตก ยางระเบิด ล้วนทำให้การขับขี่ต้องหยุดชะงัก และผู้ขับขี่ต้องรับมือกับปัญหาทันที ดังนั้นการมี “ยางอะไหล่” อุปกรณ์ติดไว้ที่ท้ายรถสำหรับเปลี่ยนสำรองฉุกเฉิน จึงเป็นเรื่องที่อุ่นใจ เพื่อให้ยังเดินทางต่อไปได้โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากช่าง แต่จะใช้งานอย่างไรให้ถูกต้อง มาทำความรู้จักกับตัวช่วยสำคัญที่ต้องมีติดรถอย่างยิ่งได้เลย

 

ยางอะไหล่คืออะไร

 

ยางอะไหล่ หรือ ยางเส้นที่ 5 เป็นยางสำรองไว้เปลี่ยนใช้ฉุกเฉิน นับว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินที่สำคัญ ที่รถยนต์ทุกคันต้องมีติดไว้ เพราะเมื่อเกิดเหตุที่คาดไม่ถึงจากยางรถยนต์ เช่น เผลอไปเหยียบของมีคม ทำให้ยางรั่วซึม เป็นต้น ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนได้เองทันทีโดยไม่ต้องรอช่าง ทั้งนี้ขนาดของยางของรถยนต์แต่ละคันจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรถยนต์รุ่นนั้นๆ เพราะต้องคำนวณจากขนาดและน้ำหนัก ซึ่งปัจจุบันถูกผลิตมาให้เลือกใช้ 2 ประเภท คือ ขนาดทั่วไปและแบบชั่วคราว

ยางอะไหล่ ขนาดทั่วไปและแบบชั่วคราว

 

  • ยางอะไหล่ขนาดทั่วไป เป็นยางรถยนต์ที่มีขนาดและประสิทธิภาพเทียบเท่ายางเดิมทั้ง 4 เส้นที่ใช้ปกติ หากใช้ยางประเภทนี้ สามารถใช้ต่อได้อีกพักใหญ่หรือไม่ต้องเปลี่ยนกลับ นอกจากนี้ยางประเภทนี้จะมีน้ำหนักที่มาก และขนาดใหญ่กว่า จึงไม่เป็นที่นิยมในการพกติดรถยนต์มากเท่าไหร่นัก เพราะรถอาจจะอืดขึ้นจากการบรรทุกของยางอะไหล่
  • ยางอะไหล่แบบชั่วคราว หากเปิดรถมาแล้วเจอยางอะไหล่ที่เล็กกว่ายางที่ใช้อยู่ ไม่ต้องตกใจ นี่คือขนาดของยางอะไหล่แบบชั่วคราว ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กกว่า มีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับเก็บไว้ท้ายรถแบบไม่เปลืองพื้นที่ ซึ่งเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหรือเปลี่ยนไว้สำหรับขับต่อในระยะทางสั้นๆ เพื่อประคองรถไปถึงอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการเปลี่ยนยางรถยนต์เท่านั้น

 

 

ยางอะไหล่ ใช้งานอย่างไร

 
เมื่อผู้ใช้รถส่วนใหญ่นิยมเลือกยางอะไหล่แบบชั่วคราว ที่มีขนาดเล็กกว่ายางรถยนต์ที่ใช้งานจริง ประสิทธิภาพการขับขี่ก็ลดลงเล็กน้อยด้วยเช่นกัน จึงต้องระวังและใช้งานยางให้ถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยคำแนะนำต่อไปนี้

 

1. ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

ยางอะไหล่มักจะมาพร้อมสติกเกอร์สีเหลืองระบุคู่มือไว้อย่างชัดเจน คือ ไม่ความขับเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากคุณภาพของยางอะไหล่ไม่เท่ากับยางใช้งาน ด้วยขนาดเล็กกว่าล้อที่เหลือ ไม่ว่าจะหน้าสัมผัส ความกว้าง และผิวเนื้อยางล้วนต่างกันโดยสิ้นเชิง การใช้ความเร็วต่ำจะทำให้การขับขี่ปลอดภัยที่สุด

 

2. ใช้วิ่งเท่าที่จำเป็น

 

ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ยางอะไหล่ ใช้เพื่อขับประคองไปให้ถึงอู่รถยนต์เพื่อเปลี่ยนยางเท่านั้น ทำให้ระยะการวิ่งจะไม่เทียบเท่ายางใช้งาน และทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงจากการที่ยางไม่เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ดังนั้นควรใช้ยางอะไหล่แค่เพียงขับระยะเวลาสั้นๆ ไม่ควรใช้งานต่อเนื่อง เมื่อเจอศูนย์ซ่อมรถให้รีบเปลี่ยนยางใหม่ทันที

 

3. เติมลมยางให้เหมาะสม

 

ถึงแม้ยางอะไหล่จะถูกเก็บไว้ด้านหลังรถก็ตาม อย่างไรก็ไม่ควรละเลย ต้องหมั่นเช็กเติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อยางรถยนต์ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน อาจทำให้ลมยางซึมหายออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนใช้งานยางอะไหล่ได้ทันทีกรณีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ควรตรวจสอบความพร้อมด้วยการเติมความดันลมยางที่เหมาะสมคือ 60 PSI ตามหลักมาตรฐาน ETRTO (European Tyre and Rim Technical Organization) หรือตามค่าที่ระบุอยู่บนคู่มือจากผู้ผลิตรถยนต์ของคุณ

 

4. ตรวจสอบสภาพยางอะไหล่

 

นอกจากการเช็กแรงดันลมยางแล้ว การตรวจสอบอาการอื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน

  • ตรวจสอบสภาพภายนอกของยาง : สังเกตว่ามีรอยบวม รอยแตกลายงา รอยฉีกขาด หรือมีของมีคมทิ่มแทงอยู่ที่ผิวของยางหรือไม่
  • ตรวจสอบสภาพของกระทะล้ออะไหล่ และจุ๊บลมยาง ว่าไม่มีรอยบิ่น ไม่มีรอยเสียหายชำรุดแต่อย่างใด

หากพบเจออาการผิดปกติตามที่กล่าวข้างต้น ควรเปลี่ยนยางอะไหล่ใหม่ เพื่อใช้งานยามฉุกเฉินได้จริงดีกว่าพกติดรถไปแล้วใช้งานไม่ได้

 

ยางอะไหล่ มีขนาดไม่เท่ากัน ใช้แทนกันได้ไหม

 

หากในแง่ของการเปลี่ยนแทนยางใช้งาน ยางอะไหล่สามารถใช้เปลี่ยนแทนได้แม้จะไม่เท่ากันกับยางใช้งาน เพียงเพื่อขับประคองไปยังศูนย์ซ่อมรถเท่านั้น โดยผู้ขับขี่จำเป็นต้องใช้ยางอะไหล่จากรถยนต์ตัวเองเท่านั้นไม่สามารถไปยืมจากรถคันอื่น ที่ไม่ใช่ยี่ห้อหรือรุ่นของตัวเองมาใช้แทนกันได้

เนื่องจากยางอะไหล่เส้นเล็กนั้นมีการออกแบบมาตามมาตรฐาน ETRTO และมาตรฐาน UN R64 ซึ่งยางที่ถูกผลิตออกมาจะมีหลายขนาด และมีพิกัดการรับน้ำหนักแตกต่างออกไป ดังนั้นหากยางเส้นหนึ่งอาจรับน้ำหนักรถยนต์รุ่นหนึ่งได้ แต่อาจไม่สามารถรับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า หากฝืนใช้จะทำให้เสี่ยงอันตรายขณะขับขี่

 

เช็กสภาพยางอะไหล่เตรียมพร้อมใช้งาน

 

โดยทั่วไปแล้วสามารถเก็บรักษายางอะไหล่ได้นานถึง 4-6 ปี แต่จะต้องหมั่นใส่ใจเช็กสภาพ เพราะหลายครั้งที่ผู้ขับขี่ต่างละเลย เมื่อยางเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ ประกอบกับไม่ได้รับการตรวจสภาพอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานลดลงเช่นกัน เพื่อยืดอายุและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขณะใช้งาน ควรดูแลรักษาดังนี้

  • ตรวจสอบยางอะไหล่เป็นประจำ ควรตรวจสอบทั้งภายนอกและภายใน อย่างแรงดันลมยางทุกๆ 6 เดือน ถึงแม้จะไม่ได้ใช้งานก็ตาม
  • ทำความสะอาด สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่ตำแหน่งเก็บยางอะไหล่คือใต้ท้องรถ ให้ทำความสะอาดยางเป็นครั้งคราว ขจัดคราบสิ่งสปรก ฝุ่น ดิน หรือน้ำมันที่เกาะอยู่ อันเป็นสาเหตุให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้นนั่นเอง
  • เก็บยางอะไหล่ให้ถูกต้อง ควรเก็บให้พ้นแสงแดดโดยตรง และหลีกเลี่ยงความชื้น ควรเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมอย่าง ช่องเก็บของท้ายรถหรือบริเวณใต้พื้นท้ายรถ
  • ตรวจสอบวันที่ผลิตยาง ถึงแม้จะไม่ได้ใช้งานเลยก็ยังคงต้องเช็กวันผลิตของยางอะไหล่อยู่ดี เพราะยางอาจเสื่อมสภาพจากระยะเวลาโดยไม่รู้ตัว
  • หมุนเวียนยางอะไหล่ โดยถอดมาใช้ทุกๆ 2 ปี ในระยะทางสั้นๆ เพื่อช่วยให้ยางไม่แห้งกรอบ แตกลายงา และมีสภาพพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น

เพียงเท่านี้รถยนต์ของคุณก็จะมียางสแปร์หรือยางอะไหล่ที่พร้อมใช้งาน หมดความกังวลเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ยางรั่ว ยางแตก เพราะสามารถเปลี่ยนยางได้ทันที ทำให้การเดินทางของคุณราบรื่น ก่อนจะขับประคองไปยังศูนย์บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ใกล้คุณได้อย่างปลอดภัย

SHARE:

RELATE TIPS & TRICK

car-checkup_1
ev-car-tire_ยางรถไฟฟ้า EV_1
mag_wheel_ล้อแม็กรถยนต์_1